pearleus

วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท

 

วันนี้ (วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมจำนวน 41 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 17 ชุด  รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 186,000 บาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ธีระกิตติวัฒนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในพิธี  พร้อมด้วย มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณตลาดเก่าพนมสารคาม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา


โดยวานนี้ (วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568) นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุอัคคีภัยบริเวณชุมชนใกล้สำนักงานเขตธนบุรี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ รวมจำนวน 42 คน โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว จำนวน 14 ชุด  และรายบุคคล จำนวน 3 ชุด ในการนี้ มูลนิธิไกรสิทธิการกุศล ร่วมมอบเงินสด คนละ 400 บาท และ พุทธสมาคมปทุมรังษี ร่วมมอบข้าวสาร คนละ 10 กิโลกรัม รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้ง 3 องค์กรทั้งสิ้น  211,700 บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)


รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 397,700 บาท (สามแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)


ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”



ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน








ภายใต้การอำนวยการของนายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, ร้อยตำรวจเอก เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, นายบรรพต จันทรวงษ์ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร,ร้อยตรี ประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ขับเคลื่อนนโยบายการจัดระเบียบสังคมจังหวัดสมุทรสาคร ประเด็นที่ 7 น้ำกระท่อม

     

โดยในวันนี้ 29 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ได้มอบหมายให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสมุทรสาคร พร้อมด้วยกองร้อยอาสาดินแดนอำเภอเมืองสมุทรสาครที่ 1 และ ฝ่ายปกครองหมู่ที่ 2 ตำบลนาโคก และตำบลกาหลง ออกตรวจตราพื้นที่พบการลักลอบเปิดร้านจำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมในเขตท้องที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร ดังนี้   

 1. ท้องที่หมู่ที่ 2 ตำบลนาโคก อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร พบมีการลักลอบเปิดร้านจำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อม โดยในช่วงเย็นมีการจอดรถกีดขวางเส้นทางการจราจรบนถนนพระราม 2          

          เจ้าหน้าที่ฯ ดำเนินการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบเต็นท์สีเขียวบริเวณริมถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้า กทม. ลักลอบจำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อม ภายในมีถังแช่เก็บความเย็น โดยภายในมีขวดพลาสติก บรรจุน้ำกระท่อมจำนวนมาก โดยมีผู้รับเป็นผู้จำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมให้แก่ผู้ซื้อที่เข้ามาซื้อ ซึ่งจะมีผู้ซื้อจอดรถซื้อในช่วงเวลาเย็น ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้สัญจร 

 2. ท้องที่หมู่ที่ 2 ตำบลกาหลง อำเภอเมืองสมุทรสาคร พบมีการลักลอบเปิดร้านจำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อม โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังเลิกงานจะมีผู้มานั่งมั่วสุมจำนวนมาก ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดทะเลาะวิวาทและก่ออาชญากรรมขึ้นได้

              เจ้าหน้าที่ฯ ดำเนินการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง บริเวณหน้าบริษัท อุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์สินค้าพื้นเมือง จำกัด จำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมภายในลังโฟม โดยภายในมีขวดพลาสติกบรรจุน้ำกระท่อมจำนวนมาก โดยมีผู้รับเป็นผู้จำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมให้แก่ผู้ซื้อที่เข้ามาซื้อ ซึ่งจะมีผู้ซื้อจำนวนมากหลังเวลาเลิกงาน 


              จากพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการ "จำหน่ายอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย" มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 6  และประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 430) พ.ศ. 2564 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหารพ.ศ. 2522 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2564 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหารพ.ศ. 2522 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย  จึงได้ทำการควบคุมตัวพร้อมของกลาง และพยานหลักฐานมาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรสาคร และส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางโทรัด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย   ต่อไป …..//






จังหวัดสมุทรสาคร ประชุมกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสมุทรสาคร “ตามคน ตามงาน” ประจำเดือนเมษายน 2568

 วันนี้ (29 เมษายน 2568) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุม 401 ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายนริศ  นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมคณะกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประจำเดือนเมษายน 2568 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องฯ เข้าร่วมประชุม ซึ่งก่อนวาระการประชุม ได้มีการมอบเกียรติบัตรให้แก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2567 จำนวน 3 ราย พร้อมทั้งมอบโล่เชิดชูเกียรติ “คนดีศรีจังหวัดสมุทรสาคร” จำนวน 2 ราย และการแนะนำหัวหน้าส่วนราชการที่ย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ที่จังหวัดสมุทรสาคร



สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เพื่อรับทราบผลการปฏิบัติราชการของจังหวัดสมุทรสาคร “ตามคน ตามงาน” ด้านความมั่นคง, การติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 , การอำนวยความสะดวกประชาชนในห้วงการก่อสร้างบนนถนนทางหลวงหมายเลข 35, การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในจังหวัดสมุทรสาคร, การรักษาความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง, การสำรวจสำมโนประชากร และเรื่องอื่น ๆ




ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เน้นย้ำ ให้ท้องถิ่น ตรวจตรา ติดตาม เรื่องการผลิต จำหน่ายน้ำกระท่อม อย่างเข้มงวด ต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าน้ำกระท่อมจะไม่ใช่ยาเสพติดในทางกฎหมาย แต่การนำพืชกระท่อมไปใช้ในผลิตภัณฑ์บางอย่าง อาจเข้าข่ายผลิตยาเสพติดได้  นอกจากนี้ได้สั่งการให้ ท้องถิ่น อำเภอทุกอำเภอ แรงงานจังหวัด ตำรวจ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราพื้นที่ การใช้อำนาจ ไม่ให้มีแหล่งซ่องสุ่ม และใช้พื้นที่ในทางมิชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร จัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย “ดับเพลิงกลางทะเล” อีกด้วย








เหยื่อเศษก้อนปูนสะพานเก่าพระราม 2 สิ้นแล้ว ญาติพาร่างไร้วิญญาณกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด

 

จากเหตุการณ์ที่มีเศษก้อนปูนหล่นใส่รถยนต์กระบะบนช่องทางหลัก (ช่องทางด่วน) พระราม 2 ขาออกกรุงเทพฯ ตรง กม.ที่ 27+500 ซึ่งเป็นสะพานต่างระดับตัวเก่าที่เชื่อมจากกระทุ่มแบน มายังฝั่งเข้าตัวเมืองมหาชัย ทำให้นายอำนาจ  อายุ 46 ปี ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายงานช่างของโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์กระบะได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลวิภาราม (สมุทรสาคร) ก่อนที่จะมีการส่งต่อผู้บาดเจ็บมายังโรงพยาบาลสมุทรสาคร ในช่วงบ่ายของวันที่ 29 เมษายน 2568 เพื่อทำการรักษาจากภาวะอาการบาดเจ็บภายในขั้นสาหัส (ตับฉีก เลือดออกในช่องท้อง ความดันต่ำ) นั้น   

 กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันที่ 29 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา  นางจันทร์แรม อายุ 46 ปี ภรรยาและญาติของนายอำนาจฯ ที่มาเฝ้ารอการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร นับตั้งแต่แรกรับตัวผู้บาดเจ็บนั้น ก็ได้รับแจ้งข่าวแห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ว่า นายอำนาจฯ หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตลงอย่างสงบ 

 ต่อมาเมื่อเวลา 08.30 น.ของวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่อาคารสันตินิรามัย (ห้องเก็บศพ) โรงพยาบาลสมุทรสาคร นางจันทร์แรม  ภรรยาของผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ส.ส.สมุทรสาคร  นายคนึง ทองเที่ยง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสมุทรสาคร  ตลอดจนน้องชายผู้เสียชีวิต ญาติ พี่น้อง รวมถึงมารดาและลูกสาวของผู้เสียชีวิตที่เดินทางมาจากจังหวัดนครสวรรค์ ภายหลังได้รับข่าวร้าย ก็ได้เดินทางมาพร้อมเพรียงกันเพื่อรอรับศพของนายอำนาจ  กลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดยางตาล ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ โดยเบื้องต้นทางครอบครัวผู้เสียชีวิตกำหนดไว้เป็นเวลา 3 คืน นับตั้งแต่คืนนี้เป็นคืนแรก และจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพในวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 

 นางจันทร์แรม อายุ 46 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ความรู้สึกของตนตอนนี้ยังทำอะไรไม่ถูกเพราะว่ามันกะทันหันมันเร็วมากไม่ทันจะได้ตั้งตัวเลย ซึ่งตนอยากจะบอกหน่วยงานที่ดูแลการก่อสร้างถนนพระราม 2 ว่า เรื่องแบบนี้ไม่อยากให้มันเกิดกับใครเลยก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบกันอย่างเต็มที่ด้วยเพื่อไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัวอื่นๆอีก โดยสาเหตุการเสียชีวิตนั้นทางคุณหมอบอกว่าหลังจากการผ่าตัดแล้วเลือดที่ให้ไปมันซึมไหลออกมาเรื่อยๆ แล้วความดันต่ำลงมาก หมอให้ยากระตุ้นแล้วแต่ว่าไม่สามารถช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมา โดยหลังจากรับศพแล้วจะพาเขาไปที่บ้านเกิด โดยจัดงานที่วัดยางตาล อ.โกรกพระ  จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ตนก็อยากจะบอกกับดวงวิญญาณสามีว่า ขอให้ไปอย่างสงบไม่ต้องห่วงลูกสาว ตนจะดูแลเขาให้ดีที่สุด   ให้เขาได้ศึกษาในระดับปริญญาตรีตามที่เขาตั้งใจอยากจะเรียนด้านโลจิสติกส์ ตามแบบงานของทั้งพ่อและแม่ ให้เขาสำเร็จตามที่มุ่งหวังไว้

 


ส่วนนายธนสาร สิทธาภา ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรสาคร เปิดเผยว่าขณะนี้ได้ส่งให้ทีมงานศูนย์สะพานตรวจสอบโครงสร้าง และสั่งให้โครงการทำตะแกรงล้อมรอบอีกทีหนึ่ง ส่วนผู้เสียชีวิตทางกรมทางหลวงได้ทำการช่วยเหลือโดยจัดรถเคลื่อนศพไปยังจังหวัดนครสวรรค์ นอกจากนี้ก็ได้มีการเยียวยาช่วยเหลือดูแลค่าทำศพในเบื้องต้นก่อน ส่วนค่าเสียหายต้องมาเจราจากันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวสะพานนั้นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสะพานจะมาดูอีกทีหนึ่งและจะมีมาตรการในการป้องกันไม่ให้หล่นมาอีกแล้วจะมีการซ่อมใหญ่เลย ซึ่งจะดูทั่วไปแต่เบื้องต้นจะดูสานจุดเกิดเหตุก่อน


นอกจากนี้ พ.ต.ท.วิชิต ลุนผา รองผกก.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เจ้าของคดี บอกว่า กฎหมายเป็นเรื่องการดูแลวัสดุอุปกรณ์ ถือว่าเป็นการละเมิด ผู้ดูแลต้องรับผิดชอบ ในทางแพ่ง  เป็นการไม่ดูแลอุปกรณ์ เครื่องใช้และไม่บำรุงดูแลรักษาสะพานให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ทำให้เศษปูนเสื่อมสภาพหลุดร่อนลงมา โดนรถและมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว เมื่อเศษปูนมันอยู่ในการดูแลความรับผิดชอบของแขวงการทางดังนั้นแขวงการทางต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้เขา ซึ่งจะเรียกแขวงทางการสมุทรสาครเข้ามา สอบเพิ่มเติมเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป../