pearleus

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ชี้ชัดหน้า 5


 ชี้ชัดหน้า 5
โก๋ชัย คาวบอย
            สวัสดีครับ แฟน ๆ โก๋ชัย คาวบอย เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ จะได้ไม่เปลืองพื้นที่กระดาษ กับเรื่องเกี่ยวกับตำรวจ ที่มีประเด็นให้จิกกัดกันได้บ่อยสิน่า  เรื่องแรกที่ได้ข่าวมาก็คือ คณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ที่ทำงานเกี่ยวกับการปฎิรูปงานตำรวจ กำลังจะทำเรื่องเสนอรัฐบาลให้ยุบตำรวจรถไฟ  ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะโจรอยู่นอกรถไฟมีตั้งเยอะ ส่วนพวกที่นั่งรถไฟ ก็คนจนทั้งนั้นแหละครับ โจรที่ไหนจะไปเสียเวลาปล้น  แต่ที่น่าสนใจคือ การเสนอให้โอนงานจราจรไปให้ท้องถิ่นแต่ละที่รับผิดชอบ 
            งานนี้ต้องถือว่าเป็นการทุบหม้อข้าวตำรวจจราจร หม้อบะเร้อกันเลยทีเดียว  รู้ก็ทั้งรู้กันอยู่ว่า เม็ดเงินจากการตรวจจับปรับกระหน่ำต่าง ๆ นั้น เข้ากระเป๋าเจ้าหน้าที่ก็มากโข ซึ่งก็มีกฎหมายรองรับเสียด้วยสิ  ข่าวว่า กทม. และเทศบาลนคร ให้โอนภายใน 2 ปี สำหรับเทศบาลเมือง ให้โอนภายใน 3 ปี ส่วนท้องถิ่นอื่น ให้เป็นไปตามกำลังความสามารถ
            เรื่องนี้ยังมีอีกหลายขั้นตอน ยังไม่สรุปว่าจะเอาหรือไม่ พี่ ๆ ตำรวจอย่าเพิ่งขยับตัว  เอาไว้มีความชัดเจนมากขึ้น ปี่กลองค่อยรัวนะเจ้านาย

มาอีกเรื่องเกี่ยวกับตำรวจเหมียนกัน ต่อเนื่องกับประเด็นข้างบนเลย ก็จะเรื่องไหนอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่มีหลายฝ่าย โดยเฉพาะภาคประชาชน กำลังจะเสนอให้มีการยกเลิกค่าเปอร์เซ็นต์จากใบสั่งที่เป็นสาเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหลาย ขยันขันแข็งในการตั้งด่านทั้งเช้าเย็น
             เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปอร์เซ็นต์จากใบสั่งอย่างไร โก๋ชัย คาวบอย จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า ถ้าถูกปรับ 100 บาท เงินจะถูกแบ่งออกเป็นอย่างละครึ่ง  50 บาทมอบให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ด่านนั้น ๆ ตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เทศบาล หรือ อบต. อีก 50 บาทที่เหลือนี้สำคัญนัก คือ จากแบ่งออกมา 5% เข้ารัฐ ที่เหลืออีก 95 % จะแบ่งออกเป็น 60 / 40  ตำรวจผู้จับกุมได้ ส่วน 60  ที่เหลือเข้างานจราจร
            นี่คิดแค่ถูกปรับ 100 บาทเท่านั้นน่ะ คิดเอาเองแล้วกันว่า ถูกปรับกันที 200 – 400 บาท วันละกี่คันล่ะ  โอ้ย ทำไมคิดช้าน้า  รู้อย่างนี้เรียนตำรวจดีก๋า รวยเร็วดี

จะรังแกกันไปถึงไหน นี่คือ เรียกร้องโอดครวญจากชาวประมง ซึ่งโดนสารพัดข้อกฎหมาย ที่ตีกรอบให้ต้องเข้าระเบียบแถว นัยว่าเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ เอาเปรียบด้านแรงงาน ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็เพื่อให้เป็นที่พอใจจากพวกฝรั่งที่เอาเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการค้า
ล่าสุดทราบข่าวมาว่า ทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะเปิดตลาดนำเข้าปลาป่นเสรี เดือดร้อนแน่ ราคาตกอยู่แล้ว ก็ตกหนักเข้าไปอีก  ถ้าจะให้เหตุผลว่าผลผลิตไม่เพียงพอต่อการป้อนโรงงานอาหารสัตว์ แล้วทำไมไม่ผ่อนปรนกฎระเบียบให้ชาวประมงทำมาหากินได้สะดวกล่ะ  ทำอย่างนี้เหมือนเตะหมู เข้าปากหมา  เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยักษ์ ที่เป็นเจ้าอาณาจักรผลิตอาหารสัตว์  (เขียนเท่านี้ก็พอจะรู้นะว่าบริษัทไหน)
ข่าววงในแว่วมาว่า ถ้าทางภาครัฐยังดึงดันที่จะเปิดช่องให้นำเข้าปลาป่น ทางชาวประมงทั้งหลายก็จะรวมตัวกัน ก่อม็อบเอาให้สะท้านโลกันต์กันเลยทีเดียว มาวัดกันดูสักตั้งเถิดว่า บริษัทยักษ์ใหญ่กับชาวประมง ไผจะใหญ่กว่ากัน

เกือบเป็นเรื่องเป็นราวแล้วล่ะสิ กับกรณี นายไพรัตน์ จันทร์เสม   ผู้อำนวยการ.ร.ร.วัดคลองครุ กรณีถูกผู้ปกครองนักเรียนร้องว่าทางโรงเรียนเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองรายละ 1000 บ.  โดยระบุว่าเป็นเงินค่าบำรุงทางการศึกษา  งานนี้ร้อนถึงพี่หนวดชี้ชัดของเรา ต้องเดินเข้าโรงเรียนขอพบกับท่านผอ.ของเด็ก ๆ ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
            ภายหลังเข้าพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ก็ได้ความกระจ่างจากปากผอ.ว่า
 เรื่องนี้มีระเบียบที่วางอยู่แล้ว   โดยเขตพื้นที่ ฯ ได้มีหนังสือออกมาแล้วว่า ถ้าจะมีการเก็บเงินค่าบำรุงทางการศึกษา ให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยเรื่องการเก็บเงินบำรุงการศึกษาของสถานศึกษา  ซึ่งก็ดำเนินการไปตามระเบียบ  และมีหนังสืออีกฉบับหนึ่งที่ออกโดยกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการระดมทรัพยากรของสถานศึกษา ที่จะชี้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร  ผอ.ว่า เค้ามีเกณฑ์ให้ครับ ไม่ใช่ว่าจะทำไปเรื่อยเปื่อย มีประกาศกระทรวงศึกษา ฯ รับรอง เค้าแนบมาหมดครับ
            งานนี้พี่หนวดก็เลยถามกลับไปว่าโรงเรียนแห่งนี้ผู้ปกครองค่อนข้างมีฐานปานกลางถึงยากจน ทำไมทางผู้บริหารโรงเรียนไม่ทำเรื่องขอความสนับสนุนจากภาครัฐหรือเอกชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่รอบ ๆ โรงเรียน  มากกว่าที่จะรบกวนผู้ปกครองนักเรียน  
            ผอ.ก็เลยไขปริศนาว่า ตนเองก็ขออบต.สนับสนุนในเรื่องครูอัตราจ้าง เค้าก็ให้มา  บางครั้งหายไป 8 เดือน  ก็เอาเงินตรงนี้จำนวน 3 แสนกว่าบาทจ่ายไป ทางอบต.ก็ช่วย  ส่วนเรื่องจะไประดมเงินจากภาคเอกชน  จะเป็นการช่วยตรงอื่นมากกว่า อย่างเช่น  การทำห้องประชุม  หรือซื้อคอมพิวเตอร์  ก็ได้ความสนับสนุนจากเอกชนในพื้นที่เหมือนกัน
ก่อนจากกันผอ. ก็บอกทิ้งท้ายว่า “ผมไม่ชอบโครงการนี้หรอก แต่เพราะจำเป็นต้องทำจริง ๆ  จะให้เลิกเลยคงทำไม่ได้ โครงการเดินหน้ามาหลายปีแล้วครับ ซึ่งก็สามารถดูแลในสิ่งที่ขาดได้ เช่นเรื่องคอมพิวเตอร์  เรื่องบุคลากรที่ขาด  ผมหนักใจมาโดยตลอด กรรมการก็รู้  และบอกว่าสักวันต้องมีผลกระทบ เพราะบางทีผู้ปกครองไม่เข้าใจ ก็พยายามพูดเสมอว่าชี้แจงให้ดี     ..โอเคมั้ย เข้าใจตรงกันนะพี่น้อง

 

            ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วครับ กับงานประเพณีแห่เจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร ประจำปี 2561  ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 24 มิถุนายนนี้   ณ ริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร  อย่างที่รู้กันดีว่า การแห่เจ้าพ่อหลักเมือง ฯ นั้น มีความยิ่งใหญ่และสวยงามทั้งทางบกและทางน้ำ โดยเฉพาะทางน้ำนั้นถือว่าเป็นขบวนแห่ทางน้ำแห่งเดียวในประเทศไทยกันเลยทีเดียว
 โดยจะอัญเชิญเจ้าพ่อหลักเมือง ฯ ลงจากศาลที่ประทับข้ามแม่น้ำท่าจีน แห่ไปตามถนนสายต่าง ๆ ทั้งฝั่งท่าฉลอมและมหาชัย เพื่อให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้ร่วมกันสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล 
ส่วนวันเกิดของเจ้าพ่อหลักเมือง ฯ ในปีทุก ๆ ปี จะมีการผัดหมี่สิริมหามงคลแจกฟรีให้กับผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน  นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดงดนตรีจากนักร้องชื่อดัง การเชิดสิงโต มหรสพต่างๆ ให้ชมฟรี  เว้นวรรคสนุกสนานกันก่อน  เสร็จจากงานค่อยมาลุยกันต่อชีวิต ถ้าไม่สิ้น ก็ดิ้นไป  แต่ถ้าไม่ดิ้น ก็สิ้นใจ (ไง) ไปก่อนละครับ         















0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น