
ด้วยในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๘ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลและแสดงความอาลัย ในวาระครบ ๗ วัน (สัตตมวาร) ๑๕ วัน (ปัณรสมวาร) ๕๐ วัน (ปัญญาสมวาร) ๑๐๐ วัน (สตมวาร) แห่งการสวรรคต และการจัดกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งในส่วนกลางส่วนภูมิภาค และในต่างประเทศ จัดพิธีบำเพ็ญกุศล ดังนี้
• วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๘ ในวาระครบ ๗ วัน สัตตมวาร (สัด-ตะ-มะ-วาน)
• วันศุกร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ในวาระครบ ๑๕ วัน ปัณรสมวาร (ปัน-นะ-ระ-สะ-มะ-วาน)
• วันศุกร์ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ ในวาระครบ ๕๐ วัน ปัญญาสมวาร (ปัน-ยา-สะ-มะ-วาน)
• วันเสาร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๙ ในวาระครบ ๑๐๐ วัน สตมวาร (สะ-ตะ-มะ-วาน)
ไขความหมายวาระ ๗, ๑๕, ๕๐ และ ๑๐๐ วัน :
พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช, ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมกิตติวงศ์ ได้อธิบายความหมายของคำว่า สัตตมวาร ปัณรสมวาร ปัญญาสมวาร และสตมวาร เป็นคำบาลี–สันสกฤต หมายถึง การครบกำหนดระยะเวลาของเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งในบริบทของพิธีกรรมศพ หมายถึง “การทำบุญครบวาระ” เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ถึงแก่กรรม
ความหมายและลำดับของวาระการทำบุญ
ในทางพระพุทธศาสนาเชื่อกันว่าหลังความตาย วิญญาณของผู้ล่วงลับจะยังคงอยู่ในภพภูมิชั่วคราวก่อนจะไปเกิดในภพภูมิใหม่ตามกรรม วิญญาณจึงสามารถรับอานิสงส์จากการบำเพ็ญกุศลของผู้เป็นญาติได้ การจัดพิธีบำเพ็ญกุศลในวาระต่าง ๆ จึงมีนัยสำคัญในการส่งเสริมบุญกุศลแก่ดวงวิญญาณ และเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีของผู้มีชีวิตต่อผู้ล่วงลับ
โดยทั่วไป ครอบครัวชาวพุทธจะจัดให้มีการสวดพระอภิธรรมตั้งแต่คืนแรกของการถึงแก่กรรมและทำบุญอุทิศส่วนกุศลเมื่อครบ ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วัน ตามลำดับ พิธีกรรมประกอบด้วย การถวายภัตตาหาร การสวดพระพุทธมนต์ การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล และการแสดงธรรมเทศนา ซึ่งอาจจัด ณ วัด หรือที่บ้าน ตามความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว
จากหนังสือ “ธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดงานพระบรมศพ” โดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้อธิบายเรื่องพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร ไว้ว่า การจัดพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (๑๐๐ วัน) ถือเป็นวาระสำคัญที่สุดวาระหนึ่งในการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ การทำบุญอุทิศถวายพระราชกุศลในช่วงนี้ โดยเฉพาะในวันครบรอบ ๑๐๐ วัน (สตมวาร) จึงเปรียบเสมือนการส่งบุญเพื่อหนุนนำให้ดวงพระวิญญาณได้ไปสู่สุคติภูมิหรือ “สวรรคาลัย”
“พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร” ของราชวงศ์ไทยนั้น ยึดถือสืบต่อกันมาด้วยความเคร่งครัดตามโบราณราชประเพณี อันมีรากฐานจากคติสมมติเทพ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดทูนพระเกียรติยศสูงสุดแด่พระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศ์ผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ณ เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งแดนทิพย์ในคติไตรภูมิ เป็นการสืบสานขนบธรรมเนียมราชสำนักที่ผสมผสานหลักพระพุทธศาสนาเข้ากับวัฒนธรรมไทยอย่างวิจิตรและลึกซึ้ง
ความต่อเนื่องของศรัทธาและคุณค่าทางจิตใจ
พิธีทำบุญในวาระ ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วัน มิได้เป็นเพียงขนบธรรมเนียมทางศาสนาที่สืบต่อกันมาเท่านั้น หากยังเป็นวัฒนธรรมที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคนเป็นกับคนตาย รวมถึงเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู ความระลึกถึง และความเชื่อในอำนาจแห่งบุญกุศล ที่เชื่อว่าสามารถเกื้อหนุนดวงวิญญาณให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี
พร้อมกันนั้น ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเยียวยาจิตใจของผู้ที่ยังอยู่ ให้ค่อย ๆ ยอมรับและทำใจต่อการสูญเสียได้ ธรรมเนียมการบำเพ็ญกุศลในวาระต่าง ๆ จึงเป็นประเพณีที่ผสมผสานทั้งคติธรรม ความเชื่อ และคุณค่าทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนไทย อันเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน
ในส่วนของการบำเพ็ญพระราชกุศล อุทิศถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังจัดให้มีการบำเพ็ญพระราชกุศลไปจนกว่าจะถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
ที่มา : กรมศาสนา
#กรมประชาสัมพันธ์
pearleus























