ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวสามเสนวิตกกังวลอย่างมากเมื่อทางบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)จะสร้างโครงการ “เดอะรูม”สามเสน มูลค่าหลายพันล้านบาท ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่กว่า 48 ไร่กว่า ซึ่งเรื่องซื้อ-ขายที่ดินแห่งนี้ก็ยังมีข้อพิพาทกันอยู่ อีกทั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเองต้องเสนอสำนักนโยบายและแผนทรัพยากร หรือสนผ.ภายใน 6 เดือน ดังนั้นได้มีการจัดประชุมรับฟังข้อกังวล ผลกระทบด้านต่างๆจากชาวสามเสนเมื่อเร็วๆนี้
นายสาธิต มณีฉาย ที่ปรึกษาอธิบดีกรมชลประทานเป็นผู้แทนรับทราบข้อกังวลห่วงใยของทุกภาคส่วนต่อโครงการนี้ เปิดเผยว่า ผลกระทบแรกที่หนักอย่างแน่นอนคือ เรื่องการจราจร คนที่อยู่ถนนสามเสนจะรู้ดีว่าเป็นถนนที่รถติดมากที่สุดเวลานี้ ตั้งแต่เกียกกายไปจนถึงเทเวศร์ จะมีโครงการขยายถนนสามเสน และมีรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งปกติถนนเข้า-ออกของกรมชลประทาน วันหนึ่งประมาณ 800 คัน ส่วนโรงเรียนราชินีบนจะมากกว่า 2000 คัน จะส่งผลกระทบอย่างมากมาย รถที่วิ่งเข้า-ออกโครงการ จะมีแนวทางอย่างไร จะวิ่งเวลาใด จะใช้เส้นทางไหน เพราะปกติก็แน่นอยู่แล้ว อีกทั้งบริเวณรัฐสภาก็หนักสาหัสเช่นกัน
ประการต่อมาในช่วงระหว่างการก่อสร้าง ปัญหาฝุ่นละออง มลพิษจากรถขนถ่าย วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆในการก่อสร้างของโครงการ ความสะอาดของถนน ทางเท้า มลพิษทางเสียง ก็เป็นปัญหาใหญ่มาก ทั้งเสียงรถ เสียงเครื่องมือหนักในการก่อสร้าง มีผู้แทนร้านค้ารายหนึ่ง บ้านอยู่หน้าโครงการ ทำธุรกิจจิวเวอรี่ ชั้นบนทำธุรกิจห้องบันทึกเสียง จำเป็นต้องย้ายที่ทำงานไปที่อื่นเพราะเสียงดังมาก


ยังมีพื้นที่มัสยิดนูรู้ลอิสลาม(บางกระบือ) ตามพิมพ์เขียวของโครงการฯจะไม่มีพื้นที่มัสยิดจำนวน59 ตารางวาอยู่เลย ทั้งๆที่ในความจริงพื้นที่มัสยิดเป็นที่โฉนด มีผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์มากถึง 14 คน จากข้อมูลระบุว่าตรงที่มัสยิดยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งนี้ทางคณะกรรมการอิสลามกรุงเทพฯได้พยายามแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนโดยให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการมัสยิดชุดใหม่ขึ้นมาเรียบร้อยแล้วเพื่อไปทำหน้าที่โอนเป็นชื่อมัสยิดตามกฏหมาย ซึ่งจะซื้อขายไม่ได้ แต่จนบัดนี้ผ่านไปหลายเดือนก็ยังไม่มีการโอนกันเลย
พร้อมกันนี้จากข้อมูลพบว่าปัญหาใหญ่คือผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมได้มีการขายที่ดินแปลงเดิมซึ่งเป็นแปลงเดียวกันแบบเหมารวมก่อนที่จะแยกโฉนดออกมาเฉพาะส่วนที่เป็นวากั๊ฟให้มัสยิดโดยขายให้บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ตัวเลขว่ากันว่ากว่า1500 ล้านบาท แต่ที่ยังไม่ได้โอนให้มัสยิดเพราะยังได้เงินไม่ครบ ซึ่งเป็นข้อสังเกตน่าติดตามว่า บริษัทฯมาจัดประชุมทำไม กรรมการสุเหร่าหรือผู้มีกรรมสิทธิ์ไม่ได้มาร่วมเรียกร้องแต่อย่างใดและทางบริษัทฯเองได้ยื่นเรื่องต่างๆไปทางมัสยิดก็ยังไม่ได้คำตอบอะไรมาเลยเช่นกัน

ดังนั้นข้อพิพาทที่ดินคงจะเรื้อรังและความจริงต้องปรากฏถึงขั้นพับโครงการก็เป็นได้ เนื่องจากยังคงมีปัญหามากมายที่ยังไม่แก้ปัญหาและส่งผลกระทบต่อชาวสามเสน ทางบริษัทฯต้องรีบนำไปพิจารณาและหาทางแก้ไข
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น