
นายณรงค์ ปานนอก ประธานชมรมคอลัมนิสต์ฯ

สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาโรงไฟฟ้าของภาครัฐ จากเดิมที่เคยบอกจะดำเนินการศึกษาถึงความเป็นไปได้ แต่ล่าสุด รัฐบาลเพิ่งมีนโยบายให้ชะลอแผนศึกษาออกไปอีก 3 ปี ซึ่งระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น จึงเป็นสิ่งที่สื่อมวลชน และประชาชนผู้สนใจทั่วไป รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรต้องติดตามข่าวสารข้อมูลอย่างใกล้ชิดต่อไป
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า การมองภาพรวมพลังงานว่าจะเพียงพอหรือไม่ต้องมองทั้งระบบ ซึ่งระบบการผลิตพลังงานมี 4 ระบบคือ 1 กำลังการผลิตติดตั้ง ซึ่งปัจจุบันเมืองไทยมีการผลิตติดตั้งได้ 30,000 เมกะวัตต์ แต่เราไม่ได้ผลิต 30,000 เมกะวัตต์ได้ตลอดเวลา ถ้าโรงไฟฟ้าบางแห่งมีปัญหาก็ทำให้การผลิตลดลง 2. กำลังการผลิตพร้อมจ่าย ซึ่งเป็นตัวสำคัญมาก เพราะแสดงถึงกำลังการผลิตแท้จริง 3.กำลังการผลิตสำรอง แม้ปัจจุบันกำลังการผลิตสำรองของเราจะสูงกว่าช่วงดีมานด์พีค 20% คือผลิตได้ 30,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ช่วงการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 28,000 เมกะวัตต์ แต่กำลังการผลิตกว่า 60% มาจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งถือว่ายังมีความเสี่ยงหากแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย เมเลเซีย หรือ เมียนมามีปัญหา และ 4. กำลังการผลิตที่พึ่งพาได้ สามารถผลิตได้ในกรณีฉุกเฉินหรือวิกฤติ ในกรณีที่โรงไฟฟ้าหลักเสียหาย


ดร.ทวารัฐ กล่าวว่า กรณีสร้างโรงไฟฟ้าเกาะกง เคยมีการเสนอมายังรัฐบาลและ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่ได้นำเรื่องนี้มาให้การไฟฟ้าพิจารณา แต่ยืนยันว่าอีก 20 ปี เราอาจต้องซื้อไฟจากต่างประเทศเพราะตอนนี้ก๊าซเราเหลือเพียง 35%
ขณะที่ นายธีรพจน์ กษิรวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จ.กระบี่ มีแนวทาง การพัฒนาจังหวัดในทุกมิติ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “กระบี่ โก กรีน” หรือ กระบี่ในทิศทางการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้รายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวของ จ.กระบี่ จะเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปีที่ผ่านมา มีรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 8.8 หมื่นล้านบาท และหากรวมกับรายได้จากการท่องเที่ยวของทุกจังหวัดในภาคใต้ พบว่ามีมากถึง 5 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกๆปี แต่ก็ให้ความสำคัญกับภาคส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นประมง การเกษตร สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม รวมถึงปัญหาสุขภาพและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่

นายธีรพจน์ ย้ำว่า ที่ผ่านมาพบว่าข้อมูลหลายส่วนที่มาจากคนพื้นที่ ซึ่งได้เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่กลับไม่ได้นำมาพิจารณาประกอบการจัดทำแผนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขณะเดียวกัน ก็กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมายที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่พวกเขาก็ถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐ ตนจึงขอทิ้งท้ายว่า โรงไฟฟ้าถ่ายหินนั้น “ไม่ตอบโจทย์ของจังหวัดกระบี่”
นายบรรพต แสงเขียว รองประธาน บริษัท เกาะกง ยูนิลิตี้ จำกัด กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าภาคใต้จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ขณะที่โรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนถูกที่สุด ซึ่งในประเทศเพื่อนบ้านก็ให้ความสำคัญกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน ยกตัวอย่างอินโดนีเซีย ผลิตไฟฟ้าถ่านหินปีละ 22,600 เมกะวัตต์ เวียดนาม 14,000 เมกะวัตต์ มาเลเซีย 8,000 เมกะวัตต์ ขณะที่เมืองไทยผลิตเพียงปีละ 4,000 เมกะวัตต์ มาจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ 2,000 เมกะวัตต์ ทำให้อัตราค่าไฟฟ้าบ้านเราแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านหน่วยละ 1-2 บาท
อย่างไรก็ตาม นายบรรพต กล่าวว่าโดยส่วนตัวมีข้อเสนอให้นำเข้าไฟฟ้าถ่านหินจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปัจจุบันบริษัท เกาะกง ยูนิลิตี้ จำกัด ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา สามารถสร้างกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ถึงปีละ 4,000 เมกะวัตต์ สามารถส่งกระแสไฟฟ้ามายังพื้นที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ได้ในราคาหน่วยละ 2.76 บาท เพื่อให้คนไทยใช้ไฟในราคาถูก ซึ่งจะสร้างความมั่นคงด้านพลังงานได้ในระดับหนึ่ง เปรียบเสมือนมีโรงไฟฟ้าถ่านหินตั้งอยู่ในจังหวัดชุมพร
“ปัจจุบันเราเป็นอาเซียน คงไม่มีปัญหาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแน่นอน อีกทั้งผู้ลงทุนคือประเทศจีน และใช้พื้นที่ของประเทศกัมพูชา” นายบรรพต ย้ำ
สำหรับประเด็นสำคัญที่กลายเป็นหัวข้อของงานเสวนา คือ จะผ่านทางตันในกรณีได้อย่างไร? นายธีรพจน์ กล่าวว่า ถึงวันนี้เชื่อว่าจะยังไม่ถึงเวลาจะผ่าทางตัน เนื่องจากภาครัฐยังขาดความชัดเจน โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงที่ว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาจากผลกระทบในทุกมิติได้จริงหรือไม่? รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้ว่าภาคใต้ไม่มีทางเลือกหรือทางออกอื่นๆ แล้วนั่นแหล่ะ โรงไฟฟ้าถ่านหินจึงจะเกิดขึ้น
นายมนูญกล่าวว่า ไม่มีวิธีใดที่จะผ่าทางตันได้ ตราบใดที่ผู้คนยังไม่ยอมรับว่าถ่านหินเป็นอีกทางเลือกอีกทางหนึ่งในการสร้างโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ หากจะผ่าทางตันภาครัฐต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นของการวางแผน พร้อมให้ตัวแทนภาคประชาชนได้เสนอแผนงานและพื้นที่จัดสร้างโรงไฟฟ้า รวมถึงยื่นข้อเสนอที่ต้องการในการเปิดให้มีการสร้างโรงไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟฟ้าฟรี มีโรงเรียน มี สถานพยาบาล และอื่นๆ
ขณะที่ ดร.ทวารัฐ ยอมรับว่า ถึงตอนนี้ ยังไม่มีช่องทางใดในการจะผ่าทางตันว่าด้วยการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งการมาในวันนี้ ตนต้องการจะมาฟังข้อเสนอและมุมมองของวิทยากรแต่ละท่าน ซึ่งข้อเสนอของหลายๆท่านก็น่าสนใจ ซึ่งตนจะนำไปปรับใช้ในการทำแผนพลังงานของชาติต่อไป อย่างไรก็ดี อยากให้ทุกคนยอมรับว่าถึงอย่างไรภาคใต้จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าหลัก เพราะไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ถึงขั้นที่ว่า “ขาดไฟฟ้าขาดใจ” นั่นเพราะไฟฟ้าถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของทุกชีวิต
ด้าน นายบรรพต กล่าวว่า วันนี้แม้จะไม่ทางออก แต่ก็ควรมีข้อเสนอให้กับประชาชน โดยเฉพาะข้อเสนอการสร้างโรงไฟฟ้าที่ได้เตรียมการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ เกาะกง กัมพูชา ภายใต้เงื่อนไขที่คนไทยและประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากต้นทุนผลิตคือประเทศจีน ส่วนการผลิตในกัมพูชา ภายในนิคมอุตสาหกรรม บริเวณพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ทางรัฐบาลกัมพูชาได้ให้สิทธิประโยชน์ที่เอื้อต่อการลงทุนมากที่สุดนั่นเอง.
/////////////////////////////
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น