pearleus

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

สื่อสาว สีเทาสุดแสบลวงตบทรัพย์ลงทุน

สื่อสาว สีเทาสุดแสบลวงตบทรัพย์ลงทุน อ้างทำรายการทีวีช่องแห่งหนึ่ง ตบทรัพย์นักธุรกิจดัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสื่อสาว สีเทาสุดแสบลวงตบทรัพย์ ลงทุน
​อ้างทำรายการทีวีช่องแห่งหนึ่ง ตบทรัพย์นักธุรกิจดังใช้เวลากว่า 3ปี       ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ สุดท้ายเปิดตัวคือ สุนัขล่าเนื้อสื่อสาว สีเทา ช่องนี่ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อ นาย ธวัชชัย กิตติวัฒน์วิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท 88 เอสทีเอ็น จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 55/186 ถนนบ้านกล้วย ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง  จ.นนทบุรี เข้าร้องทุกข์แจ้งความกับ พ.ต.ต.กำธร นิยม พนักงานสอบสวน กองปราบปราม โดยเปิดเผยว่าเมื่อไม่นานมานี้ มีหญิงสาวลักษณะแต่งกายดี เข้ามาตีสนิท นาม น.ส. ส. โดยอ้างตนเองเป็นสื่อมวลชนของทีวีหลักแห่งหนึ่ง ซึ่งแรกๆตนไม่เชื่อ เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี สาวคนนี้ใช้เล่ห์เหลี่ยมและความใสๆ ของสตรี เข้ามาขอพูดคุย โดยบอกว่าได้เวลาทำรายการทีวีกับสถานีโทรทัศน์ แห่งนั้น เป็นรายการเกี่ยวกับ ท่องเที่ยว และแนะนำร้านอาหารต่างๆ ตลอดจนสัมภาษณ์บุคคลในวงการทหาร ตำรวจ ซึ่งตลอดเวลา หญิงคนดังกล่าว มักอ้างเสมอๆว่าตนเป็นเสาหลักในครอบครัว ต้องดูแลหลายชีวิต
​นาย ธวัชชัย กิตติวัฒน์วิวัฒน์ แรกๆตนไม่เชื่อในพฤติกรรมและคำพูด จึงขอผลัดไปก่อน จนเมื่อไม่นานมานี้ หญิงคนดังกล่าวได้มาพบตน โดยบอกว่า ทางสถานีเปิดโอกาสเข้าร่วมผลิตรายการและจัดหาโฆษณาประกอบรายการแล้ว แต่ขาดทุนทรัพย์ในการต่อยอด การทำรายการต่อเนื่อง ตนจึงคิดว่าธุรกิจนี้เดินหน้าไปได้ เพราะมีสื่ออยู่ในมือ โดยมอบเงินค่าใช้จ่ายทยอยจ่ายหลายครั้งสูญเสียเงินกว่า 1 ล้านบาท ที่เป็นเงินสด และค่าจัดซื้ออุปกรณ์การถ่ายทำรายการไปอีกกว่า 3 แสนบาท จากนั้นหญิงดังกล่าวก็ติดต่อไม่ได้
​ต่อมาปรากฏว่า ทางสถานีแห่งนั้นได้ส่งบิลเก็บค่าเช่าเวลาสถานีเป็นเงินจำนวนมากพอสมควร ตนเห็นว่าไม่ได้รับความชอบธรรม โดยแอบอ้างเป็นสื่อมวลชนมาหากิน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าตนนั้นเป็นนักธุรกิจใจบุญสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาส ควรจะเป็นผลบุญมากกว่า ผลกรรมต้องหาชดใช้หนี้สินแล้ว ทั้งยังเสียเงินไปกว่า 1 ล้านบาท เช่นนี้ ซึ่งตนจะเดินหน้าดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด กับสื่อสาวสีเทารายนี้ต่อไป เพราะทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะถูกแอบอ้างนำไปหากิน



!!โจ๋งครึ่ม!!บ่อนครบวงจรตลาดสี่มุมเมืองปทุมธานี



วันที่ 28 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งพืชผลทางการเกษตรขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ว่ามีการแอบลักลอบเปิดให้มีการเล่นการพนันกันอย่างโจ่งครึ้ม โดยภายในสถานที่เปิดให้มีการลักลอบ เล่นการพนันต่างๆครบวงจร อาทิ ไฮโล ไพ่ป๊อก โต๊ะบอล และพนันมวย พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดสี่มุมเมืองนั้นต่างทยอยเดินทางเข้าไปเล่นกันจำนวนมาก อีกทั้งยังมีเยาวชนที่มีอายุยังน้อยยังเข้าไปเล่นอีกจำนวนมากอีกด้วยซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ยังมีการแชร์ภาพถ่ายการเล่นการพนันชนิดไฮโลโดยมีนักพนันล้อมวงกันเล่นเป็นจำนวนมากออกไปทางสังคมโซเชียลจนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากในขณะนี้

ด้านแม่ค้ารายหนึ่ง(ขอสงวนนาม)ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่าบ่อนการพนันที่มีการลักลอบเปิดนั้นอยู่ด้านหลังตลาดสดสี่มุมเมือง โซนหมู่บ้านจัดสรรโดยสถานที่ตั้งบ่อนการพนันเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นมีรั่วสังกะสีสีเขียวร้อมรอบบ้านอยู่ทราบมาว่าเป็นของพี่ชายของตำรวจนายหนึ่งในพื้นที่ตำบลคูคต เปิดมาได้ระยะหนึ่งแล้วโดยมีนักพนันเดินทางเข้าไปเล่นกันจำนวนมากและบ่อนการพนันแห่งนี้ยังเปิดให้เยาวชนได้เข้าไปเล่น ซึ่งร่วมถึงบุตรหลานของพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดแห่งนี้อีกด้วย ทั้งนี้เคยทำหนังสือร้องเรียนไปถึงหน่วยงานราชการไปเรื่องกลับเงียบจึงได้แอบถ่ายรูปแล้วนำไปแชร์ในสังคมออนไลน์จนมีการแชร์ต่อๆไปแล้วในตอนนี้จำนวนมาก จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ และ ทหาร ได้เข้าไปตรวจสอบกันบ้าง

ลุยกวาดล้างอาชญากรรมเมืองพัทยา

ลุยกวาดล้าง!ปราบปราม อาชญากรรมและค้าประเวณีที่เมืองพัทยา 
เมื่อกลางดึกของวันที่27ก.ย.60 พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี(รรท.ผบช.ทท.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล(รรท.รอง ผบช.ทท.) พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง(รรท.ผบก.ทท.1) พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง(รรท.รอง ผบก.ทท.) ได้ลงลุยพื้นที่เมืองพัทยาเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม พร้อมด้วยหน่วยปฏิบัติการ191นำโดย พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์(รอง ผบก.สปพ.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ191 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ ตม. เจ้าหน้าที่ ปปส และเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย รส.อ.บางระมุง
ร่วมกันลงพื้นที่กวาดล้างปราบปรามยาเสพติด อาวุธ หญิงที่ลักลอบค้าประเวณีทั้งชาวไทยและต่างชาติ และผู้กระทำความผิดกฏหมายบ้านเมือง โดยผลการจับกุมได้ตัวผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์3รายเป็นชาวรัสเซีย โดยแฝงตัวอยู่กับนักท่องเที่ยว จับกุมผู้เสพยาเสพติด(ไอซ์) จำนวน16ราย จับกุมผู้ต้องหาที่ครอบครองยาเสพติด(ไอซ์) 2ราย จับกุมหญิงค้าประเวณีชาวต่างชาติ19ราย จับกุมหญิงไทยค้าประเวณี36ราย จับกุมสาวประเภท2ได้6ราย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยก็ได้ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง

จนเวลา 06.30น.ได้บุกปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายกลุ่มแก๊งค์ชาวแอฟริกาซึ่งแฝงตัวเข้ามาประเทศไทยในคราบนักท่องเที่ยว เพื่อเข้ามาก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และทำให้เสียชื่อประเทศไทย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้18รายซึ่งล้วนแล้วแต่อายุการเข้าประเทศเลยเวลาทั้งสิ้น หลังจากนั้นจึงควบคุมตัวส่งดำเนินคดีในขั้นต่อไป ถือว่าเป็นการกวาดล้างอย่างจริง  






วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

การแก้ไขปัญหาภาคใต้ของผู้แทนพิเศษรัฐบาล

ผลงานการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของผู้แทนพิเศษของรัฐบาล
เมื่อวันพุธที่ 27 กันยายน 2560 เวลา 13.30 น. ที่ แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นำโดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร หัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ร่วมด้วยคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลรวมทั้งหมด 13 ท่าน ได้แถลงข่าวความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการ การแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2558-2560 ภายใต้หลักยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”  โดยแบ่งมอบตามภารกิจ 7 กลุ่มภารกิจงาน ในการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ส่วนหน้า โดยมีสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และมวลชนเข้าร่วมรับฟัง 

ผู้แทนพิเศษฯที่รับผิดชอบตามกลุ่มภารกิจงานทั้ง 7 กลุ่ม ได้แถลงถึงผลงานจากการเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ซึ่งได้ขับเคลื่อนการแก้ปัญหา ร่วมหารือแนวทางแก้ไข โดยรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก และติดตามความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ อาทิเช่น เมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส , โครงการจัดตั้งชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) , โครงการประชารัฐญาลันนันบารู เพื่อขยายงานป้องกันและบำบัดยาเสพติดให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ , การเสนอโครงการประชาสังคม โดย ศอ.บต. ซึ่งโครงการได้รับอนุมัติงบประมาณจากงบกลางของรัฐบาล  งบประมาณ 50 ล้านบาท , โครงการเร่งรัดติดตามคดีความมั่นคงในพื้นที่ จชต. 

โดยเสียงสะท้อนจากภาคประชาชนในพื้นที่ ประชาชนมีความเชื่อมั่นในนโยบายของรัฐเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีความรู้สึกว่าสามารถเข้าถึงรัฐมากขึ้น กล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น ลดข้อขัดแย้งได้หลายๆประการ ทำให้ประชาชนตื่นตัวในการรวมพลังให้เกิดความสามัคคีในการมีส่วนร่วมโดยภาครัฐและองค์กรอื่นให้การสนับสนุน ทั้งนี้คณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลได้มีการวางแผนการปฏิบัติงานตาม Load Map เพื่อยกระดับงานให้เข้มข้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในปี 61





วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2560

ขอเชิญเที่ยวงานองค์พระปฐมเจดีย์ 2560


          พระพรหมเวที เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ในฐานะประธานจัดงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ปี 2560 เปิดเผยว่า เนื่องด้วยองค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เป็นจุดรวมแห่งสถาบันที่สำคัญทั้ง 3 คือ สถาบันชาติ สถาบันพระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นดินแดนของพระพุทธศาสนาแห่งแรกในประเทศไทย สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชทรงจัดส่งคณะสมณทูต มีพระโสณะเถระและพระอุตตระเถระเป็นประธานมาประกาศพระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ นับเป็นเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก มีอายุนับพันปี สร้างขึ้นสูงใหญ่งดงามตามแบบสถาปัตยกรรม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วโลกได้ทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา แต่โบราณจึงได้กำหนดจัดให้มีงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ขึ้นปีละครั้ง พุทธศาสนิกชนต่างนักหมายกันมากราบไหว้บูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนของหอมและแก้วแหวนเงินทอง เพื่อจะได้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ ประหนึ่งมาเฝ้าอยู่เบื้องพระยุคลบาทแห่งสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงนับว่าเป็นบุญลาภอันประเสริฐสุด และอีกประการหนึ่งก็เพื่อจะได้ช่วยกันบริจาคเงินสมทบทุนไว้บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระปฐมเจดีย์ ให้ยืนยงคงอยู่ตลอดไป อนึ่งองค์พระปฐมเจดีย์นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 4 ได้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่โดยครอบองค์ที่1 ที่ 2 ของเดิมไว้เมื่อปี พ.ศ. 2396 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 164 ปี 
          สำหรับการจัดงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ประจำปี 2560 ได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม 8 พฤศจิกายน 2560  ณ องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม รวม 9 วัน 9 คืน ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าว เพื่อเป็นการสืบทอดประเพณีเทศกาลนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ ณ องค์พระปฐมเจดีย์ที่มีมาแต่โบราณกาล และให้ชาวพุทธทั่วโลกบูชาพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระปฐมเจดีย์ และนมัสการพระร่วงโรจนฤทธิ์เป็นประจำปี ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมและประเพณีของคนไทย รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปได้มีโอกาสร่วมงานบำเพ็ญกุศลของชาวพุทธ ชมการออกร้านแสดงสินค้าและการออกร้านมัจฉากาชาด ของสำนักงานเหล่ากาดจังหวัดนครปฐม นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้พ่อค้า แม่ค้าและเกษตรกรได้มีโอกาสนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ผลิตผลทางการเกษตรมาจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป และเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย สอบถามรายละเอียดได้ที่ กองอำนวยการจัดงานฯ 034-242143


วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560

ป่อเต็กตึ๊งมอบทุนการศึกษา

ท่านเจ้าสัวมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งมอบทุนการศึกษา
เมื่อเวลา 10.30น.วันที่26ก.ย.60 ณ.ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กทมฯ ท่านเจ้าสัววิเชียร เตชะไพบูลย์(ประธานมูลนิธิฯ) ได้เดินทางมาเป็นประธานมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องในทุกระดับชั้น นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่เรียนดีประพฤติดีที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ วัตถุประสงค์คืออยากให้เด็ก เยาวชน นิสิต นักศึกษา ได้ศึกษาเล่าเรียนเพื่ออนาคต ภายภาคหน้าจะได้จะได้มีวิชาความรู้เพื่อพัฒนาชาติบ้านเมือง ช่วยเหลือตนเองและสังคมต่อไปในวันข้างหน้า

ในวันนี้ทางท่านเจ้าสัววิเชียร เตชะไพบูลย์(ประธานกรรมการมูลนิธิฯ) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง ได้มอบทุนแก่146สถาบัน จำนวน580ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น6,040,000บาท(หกล้านสี่หมื่นบาทถ้วน) และจะทำอย่างต่อเนื่องเพื่อเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา นับว่าเป็นมหากุศลใหญ่ครับเพราะสิ่งที่ท่านเจ้าสัวช่วยสังคมและสาธารณะกุศลนี้ทำให้อนาคตของผู้ที่คลาดแคลนในด้านทุนทรัพย์แต่ใฝ่ศึกษากลับมีโอกาสได้เปลี่ยนอนาคตตนเองไปในแนวทางที่ดี






ธ.ธนชาตขอบคุณตำรวจ

ธนาคารธนชาต เข้าขอบคุณตำรวจที่จับโจรชิงทรัพย์ธนาคารได้ ที่ สน.วัดพระยาไกร

25 ก.ย.60 เวลา 11.00 น. นายนพดล เอมอิ่มธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายสาขา(สาทร) ตัวแทนผู้บริหารธนาคารธนชาต ได้มาที่ สน.วัดพระยาไกร เพื่อเข้าแสดงความขอบคุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์เงินสดจำนวน 257,000 บาท ที่ธนาคารธนชาต สาขาบางโคล่ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2560 และสามารถติดตามเงินของกลางที่ถูกชิงทรัพย์ไป กลับคืนมาได้เกือบครบ จำนวน 240,800 บาท
โดยมี พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร ผกก.สน.วัดพระยาไกร, พ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญพิทักษ์ รอง ผกก.ป.ฯ, พ.ต.ท.ชนันท์ เปรมปลื้มจิตต์ รอง ผกก.สส.ฯ, พ.ต.ท.นิพนธ์ กุลชฤทธิ์ รอง ผกก.จร.ฯ, พ.ต.ท.กฤษณะ จันทร์ประเสริฐ รอง ผกก.(สอบสวน)ฯ และ นายณฐพนธ์ คงศิลา กต.ตร.สน.วัดพระยาไกร เป็นตัวแทนให้การต้อนรับ และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อพัฒนาแนวทางการป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับธนาคารในอนาคตต่อไป รวมถึงได้ประชาสัมพันธ์ แอพพลิเคชั่น Police i lert u เพื่อใช้ในการแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือ ได้อย่างรวดเร็วและทันสมัยมากขึ้น ตามเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอีกด้วย

อนึ่ง ในการจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ในคดีนี้ได้นั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสนธิกำลังอย่างบูรณการร่วมกันของฝ่ายสืบสวนสอบสวนกันของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล, กองกำกับการสืบสวนนครบาล5 และ สน.วัดพระยาไกร อย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลดังกล่าว




เปิดศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมสมุทรสาคร

เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 25 กันยายน ที่บริเวณลานวัฒนธรรมศูนย์การเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ต.มหาชัย อ.เมือง จังหวัดสมุทรสาคร   นายประภัสสร์ มาลากาญจน์   ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ทางวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาครโดยมีภาครัฐ ภาคเอกชน ตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ และรวมทั้ง ดร. สุนทร วัฒนาพร  อดีต สว. จ.สมุทรสาคร เข้าร่วม
ศูนย์แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางที่สามารถเชื่อมโยงมิติทางวัฒนธรรมเข้ามาบูรณาการร่วมกับมิติของคน สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ทำให้คนในสังคมมีการเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนและเรียนรู้วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆในจังหวัดสมุทรสาครทำให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์วิถีชีวิตของชุมชนวัฒนธรรมประเพณีของ 4 กลุ่มชาติพันธุ์ของจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ ไทยพื้นถิ่น ไทยจีน ไทยรามัญ และไทยทรงดำ ตลอดจนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเลือกใหม่และเป็นแหล่งสืบค้นข้อมูล 

 ศูนย์ ฯ   มีการจัดแสดงนิทรรศการ แบ่งออกเป็น 9 ห้อ ได้แก่ห้องจำลองสะพานปลาห้องชาติพันธุ์วิทยาห้องประวัติศาสตร์เมืองห้องจำลองพระเกจิอาจารย์ ห้องจำลองทะเลไทย ห้องจำลองลานเกษตร ห้องจำลองนาเกลือ ห้องโถงทางเดินด้านหน้ามีการแสดงนิทรรศการ บรรยากาศของเทศกาลกินเจ นำเสนอ ข้อมูลภูมิศาสตร์  และตราต้นไม้ประจำจังหวัด และห้องโถงทางเดินด้านหลัง เป็นการจำลองบรรยากาศวิถีชุมชนชาวจีนโบราณฯจำลองวิถีชุมชนชาวไทยพื้นถิ่นโบราณ และเส้นทางเดินรถไฟสายมหาชัย และห้องโถงกลางเป็นการจำลองป่าชายเลนแหล่งขุดค้นเรืออาหรับโบราณและโบราณวัตถุฯ จำลองแนวป้อมวิเชียรโชฏก โบราณสถานโบสถ์วัดใหญ่จอมปราสาท และศาลพันท้ายนรสิงห์ตลอดจนการจำลองพระพุทธรูปประจำจังหวัดสมุทรสาคร













วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

สค. จัดอบรมข้าราชการบรรจุใหม่ขานรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0

                                    เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560 เวลา 14.00 น. ณ โรงแรมพรีม่าวิลล่า บางละมุง จังหวัดชลบุรี  นายเลิศปัญญา  บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้เกียรติเป็นประธานมอบวุฒิบัตรและกล่าวปิดการฝึกอบรมข้าราชการบรรจุใหม่ของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ซึ่งได้เริ่มเปิดการฝึกอบรมตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 2560 โดย นายกันตพงศ์  รังษีสว่าง เลขานุการกรม เป็นผู้กล่าวเปิด 
การอบรมดังกล่าวเป็นหลักสูตร 5 วัน มีวัตถุประสงค์ให้ข้าราชการบรรจุใหม่ของ สค. จำนวนทั้งสิ้น 60 คน มีความรู้ความเข้าใจในภารกิจ บทบาทหน้าที่ โครงสร้างการบริหารราชการ วัฒนธรรมองค์กร หลักการปฏิบัติราชการ การทำงานเป็นทีม การสร้างเครือข่ายในการทำงาน ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

นายเลิศปัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ รัฐบาลและทุกภาคส่วนให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปประเทศเพื่อไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 โดยถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่ง "ข้าราชการ" ถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนให้ภาครัฐมีการจัดการที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม และข้าราชการต้องปรับมุมมอง เปลี่ยนทัศนคติ และร่วมกันดำเนินงาน อันได้แก่ การส่งเสริมการทำงานที่สอดคล้องเชื่อมโยงบูรณาการและสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบร่วมกัน มีการสร้างพันธมิตรและการส่งเสริมการทำงานแบบประชารัฐ มีการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมและการคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนมีการปรับเปลี่ยนภาครัฐเป็นรัฐบาลดิจิตอล
"ถึงแม้จะขับเคลื่อนระบบราชการ 4.0 ข้าราชการบรรจุใหม่ก็ต้องทราบหลักการพื้นฐานของราชการ โดยเฉพาะระเบียบแบบแผนของทางราชการ งานธุรการ งานสารบรรณ งานเอกสาร ที่ข้าราชการต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมไปถึงระเบียบการแต่งกายของข้าราชการ การประพฤติปฏิบัติที่เหมาะสม และที่สำคัญต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ อุทิศเวลาและทุ่มเทให้ราชการอย่างเต็มที่ คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน" นายเลิศปัญญา กล่าวในตอนท้าย

ตรวจสอบคุณสมบัติก่อนรับบัตรสวัสดิการ

 
สำนักงานคลังจังหวัดนครปฐม ขอให้ประชาชนตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในเดือนตุลาคม ภายในวันที่ 30 กันยายนนี้
        นายกิตติศักดิ์ เมธาทัศน์ชวลิต คลังจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลังเปิดให้ประชาชนตรวจสอบคุณสมบัติ ตามโครงการประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้ ทางเว็บไซต์ www.epayment.go.th , www.mof.go.th และwww.fpo.go.th โดยการพิมพ์เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ในกรณีที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ สามารถขออุทธรณ์ให้ตรวจสอบใหม่ ภายในวันที่ 29 กันยายนนี้ เท่านั้น ซึ่งผู้ขออุทธรณ์ควรดำเนินการด้วยตนเองหรือบุคคลที่ไว้ใจได้ แต่ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองหรือไม่มีบุคคลอื่น ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเพื่อให้ช่วยดำเนินการได้
        สำหรับการรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้เปิดให้ประชาชนทั่วประเทศ เริ่มรับบัตรตั้งแต่วันที่ 21 30 กันยายน 2560 ณ หน่วยที่รับลงทะเบียน และเริ่มใช้บัตรตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ซึ่งจังหวัดนครปฐม เป็น 1 ใน 6 จังหวัดปริมณฑล ที่ต้องขยายระยะเวลาในการรับบัตร เป็นวันที่ 17 ตุลาคม 2560 เนื่องจากข้อมีจำกัดด้านเทคนิคการผลิตบัตรแบบ Hybrid 2 Chips เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและค่าโดยสารตามรายการและวงเงินที่กำหนด แต่การชำระค่าโดยสารรถ ขสมก. และ รถไฟฟ้า ต้องเป็นไปตามมาตรฐานกลางระบบตั๋วร่วม (บัตรแมงมุม) ของสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ทำให้ต้องเพิ่มขั้นตอนการผลิตบัตรดังกล่าว และต้องควบคุมคุณภาพการผลิตให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งต้องบันทึก ข้อมูลสำคัญลงใน chip ของบัตรทีละใบ ก่อนนำไปทดสอบกับเครื่องอ่านบัตร (e-Ticket) ที่จะติดตั้งบนรถโดยสาร ขสมก. จึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการค่อนข้างมาก

          ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคลังจังหวัดนครปฐม หมายเลขโทรศัพท์ 0 3434 0007-8 ในวันและเวลาราชการ



มท.1 มอบนโยบาย

รมว.มท. เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

     24 ก.ย.60  เวลา 10:00น. ณ ห้องปรินซ์บอลรูม 3 โรงแรมปรินซ์พาเลส กรุงเทพมหานคร พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยมี นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย อธิบดี ผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังรวมจำนวน 170 คน
     ในวาระแรก พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่ได้ช่วยกันปฏิบัติราชการในปีที่ผ่านมาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สร้างประโยชน์สุขให้กับพี่น้องประชาชน ตามปณิธาน บำบัดทุกข์ บำรุงสุขและแสดงความยินดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดใหม่ที่จะได้สานงานต่อและขับเคลื่อนงานใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561
     จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องขับเคลื่อนงานตามแผนที่นำทาง (Roadmap) ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) ซึ่งแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จะต้องสอดคล้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บัญชาการพื้นที่แทนรัฐบาล (Area Manager) จะต้องบูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่ให้ครบถ้วน เน้นการทำงานเชิงรุก เข้าถึงปัญหา รอบรู้ รับผิดชอบภารกิจทั้งในเชิง Agenda Function และ Area Based เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจทั้งท้องที่ ท้องถิ่น และมวลชนในพื้นที่ โดยต้องมีการดำเนินการตรวจติดตามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ (Achievement Monitoring System) อย่างต่อเนื่อง
     ในส่วนประเด็นเน้นย้ำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล (Agenda) ดังนี้
ด้านการปกป้องและเชิดชูสถาบันหลักของชาติ
     1. การเตรียมการจัดงานพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในส่วนภูมิภาค โดยเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดดำเนินการอย่างสมพระเกียรติ เป็นไปตามราชประเพณี 
     ในเรื่องโครงการจิตอาสาเฉพาะกิจงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ให้ดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และสร้างความสามัคคีของคนในชาติเพื่อน้อมถวายรัชกาลที่ 9 รวมทั้งโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ โดยเน้นย้ำให้จังหวัดที่เป็นพื้นที่เป้าหมายดำเนินการตามห้วงเวลาที่กำหนด และสำหรับจังหวัดอื่น ๆ ให้เตรียมพร้อมดำเนินการในช่วงเวลาถัดไป ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยจะได้แจ้งแนวทางให้ทราบต่อไป
     ในเรื่องการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติจนเป็นวิถีชีวิต (Way of Life) ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเข้าใจกรอบแนวคิดหลักของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงว่าสามารถนำไปแก้ไขปัญหาได้ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างในการน้อมนำมาปฏิบัติทั้งการดำรงชีวิตและการปฏิบัติงาน โดยให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนกรอบแนวคิด (Mind Set) ด้วยการใช้กลไกครู ก. ระดับอำเภอและตำบล ไปสอน ไปขยายผลตั้งแต่ในระดับครอบครัว โรงเรียน และชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและนำไปใช้ให้ได้
     2. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ด้วยการเสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ต้องสร้างการรับรู้ การยอมรับ สัญญาประชาคมความเห็นร่วมฯ ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
     3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดต้องถือเป็นวาระสำคัญของจังหวัด และต้องดำเนินการในทุกมิติทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษา บูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนในพื้นที่ภายใต้กลไก ประชารัฐโดยมุ่งเน้นการลด Demand side และSupply side โดยมุ่งขยายหมู่บ้าน/ชุมชนไม่มีปัญหายาเสพติดให้เพิ่มขึ้น และลดหมู่บ้าน/ชุมชนที่มีปัญหาให้น้อยลง
     4. การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว การค้ามนุษย์ และการทำประมงผิดกฎหมาย ต้องถือเป็นวาระสำคัญของจังหวัด และกำชับการปฏิบัติผ่านเวทีต่าง ๆ ในจังหวัด ร่วมมือกับทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมควบคุมดูแลสถานบริการ สถานประกอบการต่าง ๆ ไม่ให้เกิดการลักลอบค้ามนุษย์ หากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
     5. การแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) โดยน้อมนำยุทธศาสตร์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาเป็นแนวทางดำเนินงาน โดยนายอำเภอซึ่งเป็นผู้นำขับเคลื่อนในพื้นที่ต้องเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลพื้นที่ ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย
     6. การดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ต้องวางระบบติดตามและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทุกเรื่องที่มีขั้นตอนการดำเนินงานจะต้องแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนผู้รับบริการทราบ
     7. การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนภายใต้นโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสำคัญในเรื่องการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน โดยจะต้องเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จในทุกขั้นตอนตามกฎหมาย
     8. การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร (พืชผลทางการเกษตร) โดยกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกร และต้องพัฒนาใช้กลไกหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดดำเนินการพัฒนาต่อยอดเกษตรกรในพื้นที่เป็น Smart Farmer ต่อยอดสนองนโยบายประเทศไทย 4.0
     9. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล ด้วยการสนับสนุนสร้างสัมมาชีพในพื้นที่ เน้นการบูรณาการของทุกภาคส่วนในการสร้างอาชีพชุมชน พัฒนาผลิตภัณฑ์  จะต้องสนับสนุนช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ด้วยการนำระบบ E-Commerce และระบบอื่น ๆ มาใช้ขยายตลาดให้มากขึ้น
     10. การสนับสนุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำหน้าที่เป็น Coordinator/Area Manager ขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม และให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานการใช้ประโยชน์ที่ดินและสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนนำเสนอความต้องการเชิงพื้นที่
     11. การบริหารจัดการขยะมูลฝอย ต้องกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดการขยะอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) กลางทาง (ระบบการเก็บและขนส่ง) และปลายทาง (ระบบกำจัด) และดูแลความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่สาธารณะโดยขยายผลจากระดับจังหวัดไปสู่อำเภอ ตำบลและหมู่บ้าน "พื้นที่สาธารณะของทุกจังหวัดต้องสะอาด" รวมถึงเร่งสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2560
     12. การแก้ไขปัญหาน้ำเสีย ด้วยการศึกษาแนวทางการดำเนินงานในการจัดการน้ำเสีย และต้องรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการบำบัดน้ำเสียให้แก่ผู้ประกอบการในร้านอาหาร/ตลาด ชมชน และประชาชน ให้ตระหนักและมีจิตสำนึกร่วมรับผิดชอบในการบำบัดน้ำเสีย ณ แหล่งกำเนิดต้นทางให้มีคุณภาพดีก่อนจะระบายลงสู่แหล่งน้ำทั่วไป
     13. การบูรณาการแก้ไขปัญหาผักตบชวา โดยกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจและกำจัดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ประสานบูรณาการการดำเนินการกับกรุงเทพมหานครด้วย
     14. การปรับปรุงผังประเทศ ผังภาค ผังเมืองรวมจังหวัด ผังพื้นที่เฉพาะ และผังชุมชน จะต้องดำเนินการตามกรอบแนวทางการพัฒนาผังเมือง เพื่อนำไปสู่เมืองอัจฉริยะ คือ เมืองที่ประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี
     15. การเตรียมความพร้อมในการจัดการสาธารณภัยในพื้นที่ ด้วยการเตรียมความพร้อมซักซ้อมการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัย เพื้อก้าวสู่การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 4.0
     16. การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ ต้องเร่งรัดกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่สาธารณประโยชน์ของจังหวัด จัดทำขอบเขตของที่สาธารณประโยชน์ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการบุกรุกตามระเบียบกฎหมาย
     17. การพัฒนาระบบบริการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยให้ทุกหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชนต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน โดยนำอุปกรณ์เครื่องมือที่มีอยู่มาใช้พัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งการเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูล (Linkage Center) กับทุกหน่วยงาน
     18. การจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะ ต้องจัดระเบียบผู้ค้าบนทางเท้าและริมชายหาด จะต้องศึกษารูปแบบการพัฒนาพื้นที่จำหน่ายอาหารบนทางเท้า ไปสู่ Street Food โดยบนทางเท้าต้องมีที่เดินของประชาชน
     19. การทำ MOU บ้านพี่เมืองน้องกับประเทศเพื่อนบ้าน  จะต้องประมวล MOU ที่ผ่านมา และจะมีแผนเดินต่อไปอย่างไร
     20. การพัฒนาบุคลากรพื้นที่แนวชายแดน ขอให้นำเสนอแนวทางการพัฒนาเพื่อให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการพัฒนาต่อไป
     สุดท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินตามโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินในทุกด้าน และร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และเกิดความผาสุกแก่ประชาชน









วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2560

ชี้ชัด ฯ ชวนชิม ป้าเฉิ่ม ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น-หมูตุ๋น กระทุ่มแบน

ร้านป้าเฉิ่ม ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น-หมูตุ๋น
เมนูเด็ดอร่อยเหาะ: เกาเหลาหมูรวม
โดย  ดร.สุนทร วัฒนาพร
นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร
ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร

การปรุงไก่ตุ๋นหรือหมูตุ๋นให้อร่อยต้องใจเย็นและต้องพิถีพิถันเพราะเครื่องเทศสมุนไพรที่จะทำให้ไก่ตุ๋น-หมูตุ๋นหอมและมีรสชาติอร่อยน่าทานมีหลายชนิดเช่น รากผักชี, กระเทียมไทย, พริกไทเม็ด,
โป้ยกั๊ก, อบเชย, ใบกระวาน, ข่า, เหล้าจีน, น้ำมันงา, เห็ดหอม, ซีอิ้วขาว, ซีอิ้วดำ, ซอสปรุงรส ฯลฯ
แค่เครื่องปรุงหลากหลายก็ปวดหัวจี๊ดแล้วครับแถมเวลาตุ๋นยังต้องมีเคล็ดลับในการใช้ไฟแรงสลับกับไฟกลางและไฟอ่อนซึ่ง
ยุ่งยากมากๆ ไหนจะต้องกะเวลาให้ไก่หรือหมูที่ตุ๋นนุ่มไม่เหนียวกำลังดีก็ไม่ใช่เรื้องง่าย ยุ่งยากขนาดนี้แล้วผมจึงขอพาเพื่อนรักนักชิมไปทานก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น-หมูตุ๋นที่ร้านเลยดีกว่าง่ายกว่ากันเยอะ ไม่ต้องเสียเวลาต้มตุ๋นเองแค่ไปถึงร้านแล้วสั่งเมนูที่เราชอบก็ได้อร่อยเหาะอิ่มสบายท้องแล้วครับ
ชี้ชัด ฯ ชวนชิม เที่ยวนี้ผมขอพาแฟนๆ ไปชิมก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น-หมูตุ๋นรสเด็ดสะระตี่น่าทานมากน้ำซุปหวานตาม
ธรรมชาติจากน้ำต้มเล้งและคาตั๊งที่สุดแสนอร่อย ร้านนี้ชื่อว่าร้านป้าเฉิ่มเป็นร้านที่คุณรังสรรค์ ชุนถนอม ประธานชมรมธนาคารจังหวัดสมุทรสาครให้คำแนะนำว่าอร่อยเหาะ 5 ดาวและตั้งอยู่ไกล้ธนาคารกรุงเทพจำกัด(มหาชน) สาขากระทุ่มแบนที่คุณรังสรรค์ทำงานเป็นผู้จัดการสาขาอยู่ที่นี่ ร้านก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ตุ๋น-หมูตุ๋น ป้าเฉิ่มตั้งอยู่ริมถนนสุคนธวิท ป้ายชัดเจนแต่บอกแค่ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นตัวโตแต่คำว่าป้าเฉิ่มอยู่ในร้านนะครับระวังจะหาไม่เจอขอให้สังเกตฝั่งตรงข้ามเป็นร้าน Samsung Galaxy Smart Phone ถ้ามาจากสามแยกไฟแดงกระทุ่มแบนถึงหอนาฬิกาเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าธนาคารกรุงเทพสาขากระทุ่มแบนตรงไปข้ามสะพานผ่านแยกหลวงตาทองตรงมาอีกประมาณ 150 เมตร ร้านจะอยู่ซ้ายมือถ้าไปไม่ถูกโทรถามที่เบอร์ 084 0126407 เจ้าของร้านคือคุณกันจนา(จิน)สุคนธาภิรมย์ คุยสนุกเป็นกันเองให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่นในช่วงเที่ยงสามีของคุณจินจะมาช่วยที่ร้านคือคุณเชิดพันธ์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุงที่มาช่วยได้เพราะเขามีอาชีพเป็นเจ้าของกิจการรถรับจ้างขนส่งไม้อัดและขนส่งทั่วไปชื่อว่า บจก.สุคนธาทรานสปอร์ตใครสนใจติดต่อได้ที่เบอร์ 081 849 7133 นะครับ
คุณจินเจ้าของร้านเล่าว่า" เปิดร้านมาได้ 2 ปีแล้วเดิมทีมีภูมิลำเนาอยู่ที่สมุทรปราการแต่ได้ย้ายรกรากตามสามีที่มาทำธุรกิจที่กระทุ่มแบนและด้วยความที่ชอบทำอาหารและมีสูตรน้ำแดงของน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชรที่ตกทอดมาจากคุณแม่ซึ่งแตกต่างจากที่อื่นเพราะใช้น้ำตาลโตนดซึ่งจะทำให้น้ำซุปมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวอร่อยเหาะและเมื่อมีการตุ๋นรวมกับมะระจะได้รสชาติที่หวานอมขมแถมอมเปรี้ยว
เรียกว่าได้ครบ 3 รสและเพิ่มความหอมน่าทานโดยใส่เครื่องเทศจีนกว่า 10 ชนิดเช่นโป้ยกั๊ก, ซวงเจีย, อบเชย, เกาคี้ ฯลฯ ต้มตุ๋นกับเล้งและคาตั๊งยิ่งทำให้มีรสหวานอร่อยตามธรรมชาติ จึงได้มาเปิดร้าน
ขายก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ตุ๋นน้ำแดง" ผมขอบอกว่าน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวของร้านนี้ต้องยกนิ้วให้ อร่อยเหาะ 5 ดาวยังน้อยไปครับ
ไปชิมเที่ยวนี้เราไปกันก่อนเที่ยงลูกค้าเพียบเต็มร้านเลยครับเมนูที่ผมทานแล้วต้องยกนิ้วให้ว่าอร่อยเหาะ 5 ดาวคือเมนูเกาเหลาหมูรวมราคา 40 บาทพิเศษ 50 บาท มีทั้งหมูตุ๋นที่ตุ๋นได้เปื่อยกำลังดีไม่ยุ่ยจนเกินไปโดยใช้ส่วนหมูขั้วตับ-หมูหมัก-ซี่โครงอ่อนหมูตุ๋นยิ่งสุดยอดเคี้ยวมันดี-ตับสดและลูกชิ้นหมู ทั้งสดทั้งอร่อยไม่มีกลิ่นสาปเลย เมนูนี้ผมแนะนำถ้ามาร้านนี้ต้องสั่งๆๆๆห้ามพลาดถ้าชอบเส้นใหญ่-เล็ก ตามชอบสั่งได้เลย ยิ่งทานกับข้าวสวยยิ่งอร่อยใหญ่ เมนูที่คุณรังสรรค์นิยมชมชอบมากๆ ชมว่าเส้นเล็กเหนียวนุ่ม น่องไก่ ขาไก่ตุ๋นได้ดีนุ่มอร่อยลิ้นคือก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน่องไก่พิเศษขา-ข้อไก่ ใส่มะระต้มเปื่อยกำลังดีทางร้านนี้มีเคล็ดลับคือนำมะระไปนึ่งก่อนแล้วถึงจะนำมาต้มตุ๋นจึงทำให้รสชาติดีมากไม่ค่อยขมเรียกว่าทานกับน่องไก่ตุ๋นยิ่งอร่อยใหญ่ราคา 50 บาท เมนูนี้ผมชิมแล้วก็ว่าอร่อยตามที่คุณรังสรรค์ว่าขา-ข้อตุ๋นหลายชั่วโมงจนเปื่อยเคี้ยวอร่อยไม่
เปื่อยมากเรียกว่ากำลังเคี้ยวมันดีข้อไก่ที่นี่เค้าใช้ข้อเต็มซึ่งมีส่วนของเอ็นเยอะ ห้ามพลาดต้องสั่งมาทานนะครับ
เมนูบะหมี่น่องไก่ตุ๋นราคา 30 บาทพิเศษ 40 บาท น่องไก่ใหญ่นุ่มดีมาก เส้นบะหมี่เหนียวดีเป็นเส้นชนิดแบนอร่อยไปอีกแบบต้องชมว่าน้ำซุปน้ำแดงสูตรเมืองเพชรเค้าสุดยอดอร่อยจริงครับรสขาติหวานตามธรรมชาติยิ่งเวลาทานกับมะระที่ต้มเปื่อยกำลังดีหอมเครื่องเทศน่า
ทานมากๆให้ความหวานความขมความเปรี้ยวที่เหมาะเจาะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจริงๆ ใส่ผักบุ้งและถั่วงอกมาด้วยสุดยอดๆๆ แถมยังมีผักสดเช่นใบโหระพา, ถั่วงอกสด, มะระสดหั่นชิ้นเสริฟไว้บริการที่โต๊ะด้วยครับ
เมนูสุดท้ายคือเมนูซุปเปอร์ขาไก่ ราคา 50 บาทเมนูนี้ใส่ทั้งขาและข้อไก่ตุ๋นจนเปื่อยปรุงน้ำซุปน้ำแดงเพิ่มความแซ่บจี๊ดจ๊าดด้วยพริกขี้หนูสวนและน้ำมะนาวคั้นกันสดๆชามต่อชามรสชาติเผ็ดนำเปรี้ยวตามใส่ผักชีใบเลื่อย, ผักชีและใบกระเพราให้รสชาติที่ดีและหอมน่าทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเหาะเช่นกัน
ร้านนี้ยังมีเมนูอื่นๆอีกหลายเมนูไปเลือกทานตามชอบราคาไม่แพง และมีหนังปลากรอบราคา 20 บาทและแคบหมูถุงเล็ก 7 บาทถุงใหญ่ 12 บาทไว้เป็นเครื่องแกล้มกับก๋วยเตี๋ยวด้วยครับ
ร้านป้าเฉิ่มเปิดบริการตั้งแต่เวลา 8.00 น.ถึง 16.30 น.หยุดแค่เดือนละ 2 วันคือวันจันทร์และวันอังคารสัปดาห์สุดท้ายของเดือนอย่าลืมไปทานกัน ผมการันตีว่าอร่อยเหาะ 5 ดาวไม่ผิดหวังแน่นอนครับก่อนจากกันผมได้มอบป้ายร้านเด็ดเมนูดังเมนูเด็ดอร่อยเหาะ 5 ดาวคือเมนูเกาเหลาหมูรวมและได้มอบชุดของขวัญผลิตภัณฑ์น้ำจิ้มสุกี้อร่อยเหาะและน้ำพริกเผา ฯลฯจะได้อร่อยกันทั้งครอบครัวพร้อมผ้ากันเปื้อนให้กับเจ้าของร้าน ...สวัสดีครับ…..