pearleus

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตำรวจทางหลวงและกู้ภัยทางหลวงร่วมปล่อยแถวรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่

1387966261765

23 ธ.ค.56 เวลาประมาณ 11.00 น. การทางพิเศษระหว่างเมือง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และกู้ภัยทางหลวงร่วมปล่อยแถวรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่สำนักบำรุงทางที่ 21 มอเตอร์เวย์สาย7 (อ่อนนุช) มี รมว.คมนาคม เป็นประธาน, ผบก.ทล., ผอ.การทางพิเศษระหว่างเมือง ร่วม

จังหวัดนครปฐมมอบทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ ประจำปีการศึกษา 2556 แก่เด็กนักเรียนกำพร้าที่ครอบครัวประสบอุทกภัย

______

วันที่ 25 ธันวาคม 2556 นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานมอบทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ ประจำปีการศึกษา 2556 แก่เด็กนักเรียนกำพร้าที่ครอบครัวประสบอุทกภัย ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครปฐม ได้มีการมอบทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ ประจำปีการศึกษา 2556 แก่นักเรียนกำพร้าที่ครอบครัวประสบอุทกภัย โดยมี นายสุเทพ โชคบุญธิยานนท์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม กล่าวรายงาน สืบเนื่องจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้อนุมัติทุนพระราชทานเพื่อการศึกษาสงเคราะห์แก่นักเรียนทุนพระราชทานฯ ที่มีภูมิลำเนาและกำลังศึกษาอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม จำนวน 8 ราย ประจำปีการศึกษา 2556

เนื่องจากครอบครัวประสบอุทกภัย และบิดาเสียชีวิตเมื่อปี 2554จำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27 อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 23 อำเภอนครไทย จังหวัดพิษนุโลก จำนวน 7 ราย ที่ย้ายมาศึกษาต่อที่จังหวัดนครปฐม โดยมูลนิธิประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้โอนเงินทุนพระราชทาน การศึกษาสงเคราะห์ ประจำปี 2556 เข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ของนักเรียนแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งจัดส่งอุปกรณ์การเรียนให้จังหวัดนครปฐมเพื่อมอบทุนให้แก่นักเรียนทุนฯ สำหรับในวันนี้ได้มอบทุนให้กับนักเรียนจำนวน 8 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 110,000 บาท ประกอบด้วย เด็กชายณภัทร ราโรจน์ อายุ 5 ปี เรียนระดับชั้นอนุบาล โรงเรียนอนุบาลเอื้อเพชร ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท, นางสาวสิริวิมล สีโนนยาง อายุ 19 ปี เรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ ๑ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้รับเงินทุนการศึกษา จำนวน 15,000 บาท, นายกิติพงษ์ นามเกียร อายุ 19 ปี เรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้รับทุนการศึกษา จำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท, นายอภิชาติ ทองภู อายุ 19 ปี เรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 15,000บาท, นางสาวรัชรินทร์ อินทะวงค์ อายุ 19 ปี เรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 15,000 บาท, นายธนาพร ธรรมดี อายุ 18 ปี เรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 15,000 บาท, นายวีรยุทธ โพธิ์ศรี อายุ 19 ปี เรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 15,000 บาท, นางสาวชนิกานต์ จันทร์ดา อายุ18 ปี เรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 15,000 บาท

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รายงานพิเศษ : เปิดประตูอาเซียน

อาเซียน1

          จุดเปลี่ยนผ่านสำคัญที่คนไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนอีก 9 ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทย และนับเป็นโอกาสสำคัญเมื่อสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เชื่อมระหว่างอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เปิดใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมาโดยนางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยเกี่ยวกับโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับในครั้งนี้ ว่า สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 จะช่วยผลักดันให้จังหวัดเชียงราย เป็นเมืองสำคัญและมีบทบาททางเศรษฐกิจของภาคเหนือตอนบน ของไทยมากขึ้น ทั้งการค้า การลงทุน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่จะใช้เส้นทาง R3A ที่เชื่อมระหว่างเมือง คุนหมิง มณฑลยูนนาน ในจีนตอนใต้ผ่านบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา และแขวงบ่อแก้วของ สปป.ลาว เข้าสู่ ประเทศไทย ที่ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ดังนั้นปฎิเสธไม่ได้ว่าสะพานแห่งนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน และสนับสนุนการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 รวมทั้งการเชื่อมระหว่างภูมิภาคอาเซียนกับจีนตอนใต้นอกจากนี้ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนตอนใต้ และ สปป.ลาว ซึ่งกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้นตามการพัฒนาประเทศ เนื่องจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวตามเส้นทาง R3A มีความสะดวกและรวดเร็ว ด้านกลยุทธ์ตลาดเอเชียในปี 2557 เตรียมรุกเจาะตรงผู้บริโภค หรือ บีทูซี เพื่อรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ในเอเชียที่เพิ่มมากขึ้น โดยในตลาดจีนสัดส่วนเริ่มสูงเป็นร้อยละ 40 คาดว่าเมื่อกฎหมายท่องเที่ยวจีนฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ในเชิงควบคุมบริการของบริษัททัวร์มากขึ้นจะทำให้ตลาด FIT มีโอกาสเพิ่มสูงถึงร้อยละ 50-60นอกจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเติบโตแล้ว เชื่อว่าธุรกิจการค้าชายแดนไทยยังจะขยายตัวตามเศรษฐกิจ ที่ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกัน โดยนายรชต เลิศทรัพย์สุรีย์ ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร กล่าวว่า การเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) จะทำให้มูลค่าการค้าขายชายแดนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10ในปี 2560 ซึ่งมูลค่าการค้าในปัจจุบันมีมูลค่าเฉลี่ยที่ 13,000 ล้านบาทต่อปี โดยสินค้าที่มีการนำเข้าส่วนใหญ่ เป็นพืชผักทางการเกษตร และผลไม้

อย่างไรก็ตาม เมื่อการคมนาคมขนส่งเติบโตขยายตัวรองรับกับภาวะเศรษฐกิจ และความเจริญที่จะมีขึ้น ในปี 2558 ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจอื่น ๆ ควรศึกษาการเตรียมความพร้อม เพื่อนำโอกาสมาต่อยอดธุรกิจให้เกิดความแข็งแกร่งสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ในอนาคตอันใกล้นี้

ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีกไปจนถึงช่วงปีใหม่ ภาคใต้ บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจาก ประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทย ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีกไปจนถึงช่วงปีใหม่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป มีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังไว้ด้วย

ภาคเหนือ อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอย อากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-6 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอากาศหนาวกับมีหมอก ในตอนเช้า บริเวณยอดภู อุณหภูมิต่ำสุด 3-8 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก อากาศเย็นกับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ภาคใต้ฝั่งตะวันตก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า

ตำรวจทางหลวง พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่

          พลตำรวจตรีพงษ์สิทธิ์ แสงเพชร ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีปล่อยแถวขบวนรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และระดมกำลังออกปฏิบัติอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เทศกาลปีใหม่ 2557 ณ กองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อบริการประชาชนและเฝ้าระวังอุบัติเหตุทางถนน ว่า เจ้าหน้าที่พร้อมในทุกด้านเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับประชาชนที่จะเดินทางไปต่างจังหวัด โดยปีนี้บริเวณถนนพหลโยธินจะเปิดช่องทางพิเศษ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. คาดว่าจะช่วยระบายจำนวนรถที่จะออกจากกรุงเทพมหานครได้เป็นจำนวนมาก

ส่วนการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด นั้น ได้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ควบคู่กับการดำเนินการตั้งจุดตรวจแอลกอฮอล์และสิ่งผิดกฎหมาย พร้อมกันนี้ ฝากถึงประชาชนที่จะเดินทางไป และกลับ จากการพักผ่อน ช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้ศึกษาเส้นทางที่จะเดินทาง และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันปัญหาอุบัติเหตุ ที่อาจเกิดขึ้น

กรมการแพทย์แผนไทยฯ เปิดตลาดนัดสมุนไพรจัดชุดกระเช้าสมุนไพร 6 แบบ เป็นทางเลือกให้ประชาชนได้ซื้อเป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่

กรมการแพทย์แผนไทยฯ เปิดตลาดนัดสมุนไพรจัดชุดกระเช้าสมุนไพร 6 แบบ เป็นทางเลือกให้ประชาชนได้ซื้อเป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 27 ธันวาคม นี้

นายแพทย์ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข เปิดโครงการทำดีเพื่อพ่อ ตามรอยวิถีพอเพียง ด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ที่อาคารการแพทย์แผนไทยหลังใหม่ ภายในกระทรวงสาธารณสุข จนถึงวันที่ 27ธันวาคม นี้ โดยจัดเป็น ตลาดนัดสุขภาพรวบรวมสินค้าเพื่อสุขภาพจากสมุนไพรไทยและสินค้า OTOP หลากหลายมาจัดจำหน่าย โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร ได้จัดชุดกระเช้าสุขภาพ 6 กลุ่มมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ประชาชนได้เลือกซื้อหาเป็นของขวัญของฝากช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้แก่ กระเช้าอายุวัฒนะ กระเช้าสาวพันปี กระเช้าชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ กระเช้าไม้สมุนไพรนานาพันธ์ กระเช้าน้ำสมุนไพร และกระเช้าสมุนไพรป้องกันโรคเรื้อรัง เพื่อหวังให้ประชาชนไทยเน้นใช้ของไทย และให้ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพแทนของขวัญที่ทำลาย ลดการพึ่งพายานำเข้าจากต่างประเทศที่ปัจจุบันไทยมีสัดส่วนนำเข้ายา จากต่างประเทศถึงร้อยละ 75 มูลค่ากว่าแสนล้านบาทต่อปี หากคนไทยหันมาใช้ยาไทยมากขึ้นจะช่วยลดเม็ดเงินที่ไหลออกนอกประเทศได้

สำหรับปีนี้กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ชูเรื่องสมุนไพรที่เป็นยาอายุวัฒนะ เสริมความแข็งแรง ของร่างกาย ชะลอความเสื่อม บำรุงร่างกายผิวพรรณ ปรับธาตุให้สมดุล คงความเป็นหนุ่มสาวได้ยาวนานขึ้นด้วยสมุนไพรง่ายๆ ที่ประชาชนสามารถหาได้ใกล้ตัว อาทิ พริกไทย ใบบัวบก บอระเพ็ด เป็นต้น

ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ชวนนักท่องเที่ยวชมหมู่บ้านช้าง

         นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดปีใหม่ 5 วัน จังหวัดสุรินทร์เชิญชวนนักท่องเที่ยวชมหมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ชมวิถีชีวิตระหว่างคนกับช้างที่อาศัยอยู่ในเรือนเดียวกัน เสมือนสมาชิกที่มีความผูกพันกันมานับร้อยปี โดยหมู่บ้านช้างจังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ที่ ม.9 และ ม.13 บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม อยู่ห่างจากจังหวัดสุรินทร์ไปทางทิศเหนือ ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 214 (สุรินทร์-ร้อยเอ็ด) ก่อนถึงอำเภอท่าตูม จะมีทางแยกซ้ายตรงหลักกิโลเมตรที่ 36 เข้าปากทางบ้านกระโพ ตรงเข้าไปตามถนนลาดยางอีกประมาณ 22 กิโลเมตร ก็จะถึงเขตหมู่บ้าน พื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตนี้เป็นที่นาและป่าละเมาะ สลับกับป่าโปร่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด บริเวณนี้จึงเหมาะสมกับการเลี้ยงช้างอย่างที่สุด

ดังนั้น ถ้าท่านได้ไปที่บ้านตากลาง นอกจากจะได้เห็นสภาพโรงช้างดังกล่าวแล้ว ยังจะได้สัมผัสการดำรงชีวิตของชาวส่วยพร้อมทั้งจะได้พบปะพูดคุยกับหมอช้างที่มีประสบการณ์ในการคล้องช้างมาแล้วหลายครั้งได้ตลอดเวลา และยังสามารถเดินทางชมจุดบริเวณที่ลำน้ำชีและแม่น้ำมูลไหลมารวมกัน ซึ่งห่างออกไปเพียง 3 กิโลเมตร ซึ่งเรียกว่า วังทะลุมีทัศนียภาพที่งดงามน่าพักผ่อนหย่อนใจและชวนให้ศึกษาในเชิงของธรรมชาติด้วย นอกจากนี้ทางจังหวัดยังได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์ช้างขึ้นในหมู่บ้านด้วย ทั้งนี้เพื่อเก็บรวบรวมประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับช้าง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการคล้องช้าง และให้ความรู้ในเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับช้าง และจะมีการแสดงช้างให้ชมเป็นประจำทุกๆ วัน วันละ 2 รอบ เช้า-บ่าย รอบเช้า เวลา 10.00 น. รอบบ่ายเวลา 14.00 น. ที่บริเวณลานแสดงของศูนย์ศึกษา อัตราค่าเข้าชม ชาวไทยผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็ก 20 บาท นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบฟรี ชาวต่างประเทศ คนละ 100 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและจองวันชมการแสดงล่างหน้าได้ที่ ศูนย์ศึกษา โทร 0-4451-7461

ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์-นสพ.-สภาวิชาชีพข่าว ร่วมแถลงยุติ แทรกแซงคุกคามสื่อ

Untitled-1

แถลงการณ์เรื่องขอให้ยุติการคุกคามและแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน

จากที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระม

หากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำมวลชนไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง3, 5, 7, 9, 11 และไทยพีบีเอส

โดยกดดันให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ถ่ายทอดสัญญาณการเคลื่อนไหวและคำแถลงของกปปส.

และห้ามนำเสนอข่าวจากฝ่ายรัฐบาลนั้นองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนประกอบด้วย

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์

ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการกระทำที่เข้าข่ายการคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน

ซึ่งขัดแย้งต่อเจตนารมณ์การปกครองในระบอบประชาธิปไตย

ที่กปปส.กล่าวอ้างว่าจะต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยโดยสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

และขอให้กปปส.ยุติการกระทำดังกล่าวทันทีองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนขอยืนยันหลักการว่า

สื่อมวลชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและความคิดเห็นของทุกฝ่ายตามรัฐธรรมนูญ

ดังนั้นกองบรรณาธิการและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนในสถานีโทรทัศน์ต่างๆ

ต้องยืนหยัดในหลักการดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส

ซึ่งเป็นสื่อสาธารณะที่มีกฎหมายรองรับความเป็นอิสระ จะต้องยืนยันหรือไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามากดดัน

หรือครอบงำการนำเสนอข้อมูลข่าวสารโดยเด็ดขาด หากต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกดดันหรือครอบงำ

การยุติการออกอากาศถือเป็นแนวทางปฏิบัติตามหลักสากลที่ควรกระทำอย่างไรก็ตาม

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความเข้าใจถึงมูลเหตุ ที่กลุ่มมวลชนของกปปส.ไม่พอใจสถานีโทรทัศน์ต่างๆ

ซึ่งที่ผ่านมาไม่ให้ความสำคัญในการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น

ทั้งๆ ที่เป็นสถานการณ์สำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน

นับตั้งแต่เหตุการณ์การชุมนุมใหญ่ที่มีความต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ในวันที่ 1 ธันวาคม

2556 โดยปรากฏว่าสถานีโทรทัศน์ส่วนใหญ่ยังคงนำเสนอรายการตามผังรายการตามปกติ

เป็นการคำนึงถึงผลประโยชน์ของสถานีเป็นหลัก

มากกว่าการคำนึงถึงสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนขณะเดียวกัน

สถานีโทรทัศน์ในสังกัดหน่วยงานรัฐ

ซึ่งมีรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้มีความอิสระในการเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน

และให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสาธารณะ โดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติของรัฐบาล

จะต้องไม่ยอมรับการถูกแทรกแซงหรือสั่งการจากฝ่ายรัฐบาล ให้นำเสนอข่าวสารเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาทิ

กรณีที่รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์สั่งให้สื่อในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์นำเสนอข่าวสารเชิงบวกต่อรัฐบ

าล(อ้างถึงบันทึกเลขที่นร0213.071721 เรื่องขอให้กำกับดูแลการนำเสนอข่าวลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556)

เป็นต้นองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความห่วงใยในความปลอดภัยของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวล

ชนในภาคสนามทุกคน โดยขอให้ระมัดระวังการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเกินความจำเป็น

ทั้งนี้ ให้ตระหนักว่าความปลอดภัยของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน

มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการแสวงหาข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านมานำเสนอต่อสาธารณะช

นเราขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทุกคน ที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านต่อประชาชน

และขอให้ทุกฝ่ายเคารพและไม่แทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในทุกรูปแบบ

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์

1 ธันวาคม 2556

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นายกฯต้องเป็นผู้นำแก้ปัญหา :

cache_ea03ab4d7aeef8f08d8dd94f9b837a4fสิ่งที่นายกรัฐมนตรี รัฐบาล รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและแต่ละส่วนที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นกลไกที่จะขับเคลื่อนประเทศแสดงออกมานั้น ยังคงไม่มีสัญญาณที่จะหาทางออกร่วมกันกับทุกฝ่าย ทั้งที่สถานการณ์บ้านเมืองมาถึงจุดนี้นั้นเรียกได้ว่า ล่อแหลมเต็มทีที่จะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่คนไทยทุกคนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ท่าทีจากฝ่ายรัฐบาลที่สะท้อนภาพของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาสนับสนุนอยู่ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ดูจะออกไปในทางที่สุ่มเสี่ยงกับความรู้สึก ท้าทาย พร้อมเผชิญหน้าเสียมากกว่า ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลรวมทั้งนายกรัฐมนตรี ก็เล่นบทออกมาเรียกร้องให้อย่าใช้ความรุนแรง ให้ทุกคนปรองดองสามัคคีเท่านั้น ทั้งที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้บางคนอาจจะมองว่า จะเป็นธรรมได้อย่างไร ที่ไปผลักภาระอันหนักอึ้งเช่นนี้ให้นายกรัฐมนตรี แต่เหตุผลก็เพราะว่า ในฐานะผู้นำประเทศเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ใดขึ้นมา ไม่ว่าจะด้วยเพราะสาเหตุใดก็ตาม ผู้นำประเทศจะต้องเสนอตัวเพื่อออกมาคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่อาจให้ใครมาพูดได้ว่า ประสบการณ์เพียงเท่านี้จะแก้ปัญหาได้อย่างไร เพราะในฐานะผู้นำประเทศแล้ว ไม่ว่าจะมาด้วยเหตุผลใด ประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องเข้ามาขจัดปัดเป่าปัญหาเพื่อให้ความสงบสุขบังเกิดแก่ชาติบ้านเมือง ยิ่งหากว่า ปัญหาเหล่านั้นเกี่ยวพันกับอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีโดยตรงการปล่อยให้สถานการณ์เนิ่นนานออกไป โดยที่ไม่แสดงท่าทีที่จะเข้ามาบริหารจัดการปัญหา เพื่อให้ความสงบสุขได้เกิดขึ้น ไม่เพียงแค่เป็นการละเลยอำนาจ หน้าที่และสำนึกรับผิดชอบที่ตนมีอยู่ หากแต่ยังเท่ากับจงใจที่จะปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายออกไป ทั้งที่รับรู้ได้โดยสามัญสำนึกว่าถ้าปล่อยให้การชุมนุมของคน 2 กลุ่มยืดเยื้อออกไปเช่นนี้ บ้านเมืองจะสงบสุขได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นอาจไปถึงขั้นนองเลือดขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้

เกิดเหตุ โจ๋แค้นถูกแย่งแฟนสาว นัดท้าดวล ก่อนดักยิงดับอนาถ บริเวณตรงข้ามกรมศุลกากร

1ร.ต.ท.ฤทธิพงศ์ ภูทอง พนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิต บริเวณตรงข้ามกรมศุลกากร ถนนอาจณรงค์ เขตคลองเตย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.จักษ์ จิตตธรรม รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผกก.สน.ท่าเรือ พบศพ นายวัชสันต์ แตงอ่อน อายุ 16 ปี นอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อกีฬาคอวีสีแดง นุ่งกางเกงยีนส์สีเข้ม มีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับใกล้หางคิ้วด้านขวาทะลุท้ายทอย 1 นัด ตรวจสอบในร่างกายมีอาวุธมีดยาว 1 ฟุต เหน็บอยู่ที่กางเกงจากการสอบสวน นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี เพื่อนผู้ตาย ทราบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวานเวลาประมาณ 20.00 น. กลุ่มเพื่อนตนรวมทั้งผู้ตายได้ไปมีเรื่องชกต่อยกับกลุ่มวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ที่แฟลตเอื้ออมร โดยอ้างว่า เพื่อนในกลุ่มได้แย่งแฟนไป ก่อนจะมีการท้านัดเจอกันที่บริเวณสี่แยกกรมศุล ในช่วงกลางดึกต่อมาเมื่อเวลา 22.30 น. เห็นว่ามีกลุ่มคู่อริ จำนวน 5 คนขับขี่จักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน มาวนดูบริเวณหน้าร้านที่ตนนัดรวมตัวกัน ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปดักรอภายในซอยข้างร้าน ต่อมาเพื่อน ๆ ตนได้ขับรถจักรยากลับมายังร้าน ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนลั่น 2 นัดจากซอยดังกล่าว กลุ่มเพื่อนตนจึงเร่งเครื่องพยายามหลบหนีบางส่วนวิ่งหลบเข้าร้านตน โดยผู้ตายได้ซ้อนรถจักรยานยนต์ฮอนด้าโซนิค สีขาวของเพื่อนก่อนจะถูกคู่อริที่ดักรออยู่แล้วเดินเข้ามาจ่อยิง 1 นัด จากริมถนน ทำให้ผู้ตายตกจากรถเสียชีวิตทันที ส่วนกลุ่มคนร้ายยังได้วิ่งไล่ยิงกลุ่มผู้ตาย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บก่อนจะพากันหลบหนีไปด้าน นางอมรรัตน์ ทานากะ อายุ 42 ปี แม่ผู้ตาย ให้การว่า ลูกชายเคยมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่นานมานี้ เพิ่งเข้ารับการบำบัดยาเสพติด ก่อนจะออกมาเพียงไม่ถึงเดือน โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบว่าลูกชายถูกยิง จึงรีบมาดูด้วยตัวเอง ส่วนตัวยังทำใจไม่ได้ ขอไม่เปิดเผยกับสื่อมวลชนแต่อย่างใดขณะที่ พ.ต.อ.จักษ์ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานไว้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว เรื่องยาเสพติด และเรื่องเขม่นกันในกลุ่มวัยรุ่น ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณข้อมูลข่าว INN