pearleus

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568

อาลัย “กำนันสุวิทย์ ท่าทราย” อดีตกำนันตำบลบ้านแพ้ว ผู้ฝากผลงานเพื่อชุมชนสมุทรสาคร

เมื่อเวลา 19.00 น.ของวันที่ 3 กันยายน 2567 บรรยากาศแห่งความเศร้าโศกปกคลุม ณ วัดดอนโฆสิตาราม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อครอบครัว “ท่าทราย” พร้อมด้วยญาติพี่น้อง ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น และประชาชนจากหลายภาคส่วน ต่างพร้อมใจมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมเพื่อไว้อาลัยแด่ นายสุวิทย์ ท่าทราย อดีตกำนันตำบลบ้านแพ้ว ผู้เป็นที่รักและเคารพของชุมชน

พิธีบำเพ็ญกุศลจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2–5 กันยายน 2568 โดยมีแขกผู้มีเกียรติร่วมอาลัยอย่างคับคั่ง อาทิ ข้าราชการระดับสูง อัยการ ผู้บังคับการตำรวจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนผู้นำชุมชน

ตลอดชีวิตการทำงาน นายสุวิทย์ ท่าทราย อดีตกำนันตำบลบ้านแพ้ว

ได้ทุ่มเททำเพื่อบ้านเกิดบ้านแพ้ว สร้างรากฐานการพัฒนาชุมชนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม จนเป็นที่จดจำของคนในพื้นที่ และวันนี้...แม้ร่างกายจากไป แต่คุณงามความดีและความทรงจำจะยังคงอยู่ในหัวใจของทุกคน

และจะมีพิธีประชุมเพลิง ในวันที่ 6 กันยายน 2568 เวลา 16.00 น.

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อครอบครัว “ท่าทราย” กับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักและเคารพ

สกู๊ปออนไลน์ กาชาดสมุทรสาครลงพื้นที่ มอบถุงยังชีพ 250 ครัวเรือน เติมกำลังใจยามยาก

เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่วันที่ 3 กันยายน 2568  เสียงปรบมือกึกก้องไปทั่วอาคารประชุมเทศบาลเมืองพันท้ายนรสิงห์ เมื่อ นาย นริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก้าวเข้าสู่พิธีเปิดโครงการกาชาดมอบถุงยังชีพ พร้อมด้วยคู่ชีวิต นางสุพิณญา นิรามัยวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร และคณะกรรมการเหล่ากาชาดฯ ที่ตั้งใจเดินทางมาเพื่อส่งต่อพลังแห่งน้ำใจให้ประชาชนถึงพื้นที่

ในงานนี้ ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ได้กล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงจริงใจ รายงานข้อมูลพื้นที่ที่ยังคงมีผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากไร้ และกลุ่มเปราะบางที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะชุมชนพันท้ายนรสิงห์และโคกขาม ที่วันนี้มีประชาชน รวม 250 ครัวเรือน เดินทางมารับสิ่งของจำเป็นเพื่อบรรเทาทุกข์


ไม่เพียงเท่านั้น บรรยากาศอบอุ่นยิ่งขึ้นเมื่อ นายวัฒนา แตงมณี นายกเทศมนตรีเมืองพันท้ายนรสิงห์ ร่วมให้การต้อนรับและดูแลพี่น้องชาวบ้านในพื้นที่ด้วยตัวเอง ตอกย้ำพลังความร่วมมือของผู้นำท้องถิ่นและจังหวัด ที่พร้อมลงมือทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวอย่างหนักแน่นว่า ถุงยังชีพเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งของ แต่คือ “กำลังใจ” ที่มาจากรายได้การจัดงานกาชาด สลากกาชาดการกุศล และการบริจาคของชาวสมุทรสาครผู้มีน้ำใจ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนให้กับประชาชนที่กำลังลำบาก ทั้งนี้ ผว.สค.พร้อมด้วย นางสุพิณญา นิรามัยวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร และคณะกรรมการเหล่ากาชาดฯยังได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ให้แก่ผู้ป่วยติดเตียงอีก 2 หลายอีกด้วย


สรุปชัด ๆ  โครงการกาชาดครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแจกถุงยังชีพ แต่คือการแสดงพลังของ “ความร่วมมือ” ที่ผสานทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และประชาชน เพื่อสร้างรอยยิ้มและความหวังในวันที่หลายครอบครัวต้องเผชิญความยากลำบาก




แหกตา “เหมียวน้อยขายยา”! ผัวเมียสุดแสบเปิดร้านออนไลน์ขายไอซ์ แต่สุดท้ายไม่รอดตำรวจ พิกัดดังทั่วโซเชียล!

นนทบุรี-ปทุมธานี – งานนี้มีสะเทือนวงการคนชอบของเถื่อน! เมื่อแก๊ง “ผู้กองแมว” หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.1 ได้เปิดปฏิบัติการเด็ดหัว “MEOWSNOW SHOP” ร้านค้าออนไลน์สุดป่วนบนแอปฯ X (เอ็กซ์) ที่ลักลอบโฆษณาขายยาเสพติดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เล่นเอาชาวเน็ตแห่เข้าไปส่องกันเพียบ

จับตาผัว-เมีย แสบตัวตึง!

เบาะแสสุดร้อนแรงส่งตรงจากเจ้าหน้าที่ว่า เจ้าของบัญชีนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคู่รักสุดอันตราย "นาย A" และ "น.ส. B" ที่พักอาศัยย่านงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี โดยทั้งคู่ใช้บ้านเป็นฐานบัญชาการลับในการแพ็กยาเสพติดใส่กล่องพัสดุ ส่งตรงถึงมือลูกค้าที่ติดต่อผ่านช่องทางโซเชียล เจ้าหน้าที่ได้สะกดรอยตามอย่างเงียบๆ จนแน่ใจว่าได้ตัวการใหญ่

รวบคาที่หน้าบริษัท KEX!

แล้ววินาทีระทึกก็มาถึง!

เมื่อเวลา 14.30 น.ของวันที่ 2 กันยายน 2568 นาย A และ น.ส. B ได้ขับรถเก๋ง Nissan Almera สีดำ พร้อมกล่องพัสดุปริศนาตรงดิ่งไปที่บริษัทขนส่งชื่อดังอย่าง KEX สาขาบางคูวัด จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ที่ซุ่มโป่งอยู่ไม่รอช้า เข้าชาร์จตัวทันที! ตรวจสอบกล่องพัสดุสุดพิลึก พบของกลางที่ซ่อนอยู่คือ "ไอซ์" หนักกว่า 10 กรัม พร้อมส่งให้ลูกค้าที่กำลังรอรับอย่างใจจดใจจ่อ!

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังยึดทรัพย์สินของผัว-เมียคู่นี้ได้อีกเพียบ รวมมูลค่าสูงถึง 900,000 บาท! งานนี้ต้องปรบมือให้ตำรวจที่ตามแกะรอยจนสามารถลากคอเจ้าของร้าน “MEOWSNOW SHOP” เข้าซังเตได้สำเร็จ

'ผู้ว่าฯ นริศ' ลุยเอง! ปิดตำนาน 'อันดามัน' บาร์ลับเมืองสมุทรสาคร ซีลผับเถื่อน! เจอทั้งยาเสพติด-ต่างด้าวผิดกฎหมาย คดีพลิกหลังมีเหตุยิงกันเลือดสาด!

สมุทรสาคร - เมื่อเวลา 01.00 น.ของวันที่ 3 กันยายน 2568 นาทีนี้คงไม่มีใครร้อนแรงเท่ากับ "นายนริศ นิรามัยวงษ์"

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครอีกแล้ว! หลังผุดไอเดียสุดโต่ง ยกทีมชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองบุกจู่โจมร้านอาหาร "อันดามัน" ย่านตัวเมืองสมุทรสาคร หลังมีเสียงร่ำลือหนาหูว่าบาร์แห่งนี้มีพฤติกรรมสุดแสบ จนล่าสุดเกิดเหตุยิงกันจนมีผู้บาดเจ็บถึง 3 ราย! งานนี้ผู้ว่าฯ ถึงกับทนไม่ไหว ต้องลงมาบัญชาการด้วยตัวเอง!

ปฏิบัติการสุดระห่ำเริ่มขึ้นเมื่อทีมเจ้าหน้าที่กรูเข้าร้านแบบไม่ทันตั้งตัว! และผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำเอาอึ้งกันไปทั้งทีม เพราะสิ่งที่เห็นไม่ใช่แค่ร้านอาหารธรรมดา แต่เป็น "สถานบริการเถื่อน" เต็มรูปแบบ! ที่เปิดให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังกล้าท้าทายกฎหมายด้วยการแอบ "ขายเหล้าเกินเวลา" อย่างไม่เกรงกลัว

แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น! เพราะการบุกตรวจค้นครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การจับกุมความผิดซึ่งหน้า แต่ยังได้สาวไปถึงต้นตอของสารเสพติดและแรงงานเถื่อนที่ซุกซ่อนอยู่ภายในร้านอีกด้วย! เจ้าหน้าที่สั่งตรวจปัสสาวะลูกค้าและพนักงานรวม 47 คน ผลปรากฏว่าพบ พนักงานสาวสวย (PR) ถึง 5 ราย มีสารเสพติดในร่างกาย! งานนี้ไม่ใช่แค่บาร์ธรรมดา แต่เป็นแหล่งมั่วสุมชั้นดี!

ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือการค้นพบ แรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวถึง 4 ราย ที่ทำงานในร้านอย่างโจ่งแจ้ง และที่พีคสุดๆ คือในจำนวนนี้ มีถึง 2 รายที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้อง! งานนี้ไม่ได้แค่ผิดกฎหมายสถานบริการ แต่ยังพ่วงด้วยความผิดตาม พ.ร.ก. การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวทั้งในส่วนของลูกจ้างและเจ้าของร้านอีกด้วย!

รายงานระบุว่า หลังจากนี้ทางกลุ่มงานความมั่นคงจะเร่งสรุปผลการจับกุมทั้งหมด เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาสั่ง "ปิดร้านอันดามัน" อย่างเด็ดขาด! เป็นอันจบสิ้นตำนานบาร์สุดฉาวที่เปิดมาท้าทายกฎหมายมายาวนาน

การจู่โจมครั้งนี้ของผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปถึงสถานบริการผิดกฎหมายทุกแห่งว่า ถึงเวลาต้องปิดกิจการได้แล้ว! เพราะอำนาจรัฐไม่ปล่อยให้ใครมาลอยนวลอยู่เหนือกฎหมายได้อย่างแน่นอน!

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568

กาชาดสมุทรสาครลงพื้นที่กระทุ่มแบน มอบถุงยังชีพ สร้างกำลังใจแก่ผู้ยากไร้


เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 2 กันยายน 2568 นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย

นางสุพิณญา นิรามัยวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร และคณะกรรมการเหล่ากาชาด ลงพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน มอบถุงยังชีพตาม “โครงการกาชาดให้การสงเคราะห์ มอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ บำรุงสุขปวงประชา ประจำปี 2568”

โดยมี นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี

นายอำเภอกระทุ่มแบน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ

โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้ส่งมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส จำนวน 150 ราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการดำรงชีวิต

กิจกรรมดังกล่าวเกิดจากรายได้การจัดงานกาชาดและน้ำใจจากผู้มีจิตศรัทธาชาวสมุทรสาคร นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่สะท้อนพลังแห่งการแบ่งปัน ช่วย “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

ชาวนนท์เฮ! มิติใหม่แห่งการบริการ “บางใหญ่” เปิดสำนักทะเบียนท้องถิ่นแล้ว!

นนทบุรี – (1 กันยายน 2568) ปลัดชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล ปลัดจังหวัดนนทบุรี สั่งลุยเดินหน้าพัฒนาการบริการประชาชนแบบสุดลิ่มทิ่มประตู! ล่าสุดได้เป็นประธานเปิดโครงการอบรมกฎหมายพร้อมกับเปิดตัว สำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลเมืองบางใหญ่ อย่างเป็นทางการ งานนี้บอกเลยว่าชาวบางใหญ่ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางเข้าเมืองเพื่อทำเรื่องทะเบียนราษฎรอีกต่อไป!

สะดวก ประหยัด เข้าถึงง่าย ไม่ต้องรอแล้ว!

งานนี้เรียกได้ว่าพลิกโฉมการให้บริการประชาชนอย่างแท้จริง เพราะสำนักทะเบียนท้องถิ่นแห่งใหม่นี้จะช่วยให้ชาวบางใหญ่เข้าถึงบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ทั้งการทำบัตรประชาชน, แจ้งเกิด-แจ้งตาย, ย้ายเข้า-ย้ายออก หรือแม้แต่การขอทะเบียนบ้านก็ทำได้ที่นี่ที่เดียว!


ด้วยนโยบายที่มุ่งเน้นความสะดวกและประหยัดเวลาให้กับประชาชน ทำให้การบริการภาครัฐไม่ได้อยู่แค่ในศูนย์ราชการที่ไกลหูไกลตาอีกต่อไป แต่มาอยู่ในชุมชนใกล้บ้านคุณแล้ว!

กฎหมายทะเบียนราษฎร หัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ


นอกจากจะอำนวยความสะดวกแล้ว การอบรมกฎหมายในครั้งนี้ยังเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของ “ฐานข้อมูลประชากร” ที่ถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการวางแผนและพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน ทั้งการจัดเก็บภาษี, การเลือกตั้ง, การรักษาความปลอดภัย, ไปจนถึงการจัดสรรสวัสดิการของรัฐ การเปิดสำนักทะเบียนแห่งใหม่นี้จึงไม่ใช่แค่การเปิดจุดบริการธรรมดาๆ แต่เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของคนในชาติอย่างแท้จริง!