pearleus

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562

สองยักษ์ “พริงเกิลส์-เถ้าแก่น้อย”ผนึกกำลังสร้างโปรดักส์สุดฮิต เปิด 3 รสชาติใหม่!

เรียกเสียงฮือฮาในตลาดขนมขบเคี้ยว และการจับตาความเคลื่อนไหวของสองค่ายยักษ์ใหญ่เป็นอย่างมาก กับการจับมือร่วมกัน หรือ Co-Branding ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกระหว่างอันดับ 1 แห่งมันฝรั่งกระป๋องอย่าง “พริงเกิลส์” (Pringles) สแน็คสัญชาติอเมริกัน และ “เถ้าแก่น้อย” เจ้าตลาด สาหร่ายปรุงรส อันดับ 1 ของไทย ที่ผนึกกำลังสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 รสชาติ ด้วยคอนเซ็ปต์ East Meets West เพื่อนซี้ความอร่อยที่ลงตัว เตรียมลุยตลาดไทยและทั่วเอเชีย





นายอวนิช บาจาจ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคลล็อกส์ ประเทศไทย จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย พริงเกิลส์ (Pringles) กล่าวว่า “พริงเกิลส์ เป็นมันฝรั่งกระป๋องที่ครองใจคนทั่วโลกมากว่า 40 ปี ด้วยรูปทรงอานม้าอันเป็นเอกลักษณ์  ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วงยุคต้น 90 ด้วยการเปิดตัวในยุโรป เอเชีย และอเมริกาใต้ และขยายตัวอย่างรวดเร็วไปยังตะวันออกลางและแอฟริกา โดยในปัจจุบัน   มันฝรั่งพริงเกิลส์ กลายเป็นของว่างที่เป็น Top of Mind ของผู้คนทุกเพศทุกวัย วางจำหน่ายกว่า 140 ประเทศทั่วโลกและมีรสชาติที่ถูกพัฒนาไปตามความต้องการของแต่ละท้องถิ่นกว่า 140 รสชาติ โดยรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกคือ พริงเกิลส์ รสซาวครีม และหัวหอม (Sour Cream & Onion) สำหรับตลาดมันฝรั่งในประเทศไทย พริงเกิลส์ ได้เข้ามาแนะนำตัวให้คนไทยรู้จักได้ราว 15 ปี รวมทั้งเราเป็นแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาสินค้าและรสชาติ จึงมองหาพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มีความเป็น Top of Mind ครองใจคนไทย และเข้าถึงคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง จึงเป็นที่มาของการ Co-Branding ครั้งยิ่งใหญ่ ร่วมกันกับ ‘เถ้าแก่น้อย’ ซึ่งเป็นสาหร่ายปรุงรสยอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย”

พริงเกิลส์ และเถ้าแก่น้อย จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อแชร์ประสบการณ์และสูตรของรสชาติที่ได้รับความนิยม มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดมันฝรั่งกระป๋อง และอันดับ 1 ในตลาดสาหร่ายปรุงรส ด้วยต้องการยกระดับประสบการณ์ผู้บริโภคให้ได้ลองรสชาติที่แปลกใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกใจและ ถูกปากกลุ่มลูกค้า จึงทำการคิดค้นพัฒนาสุดยอดผลิตภัณฑ์ ที่ผสมผสานความเป็นตะวันตกและเอเชีย   ได้อย่างลงตัว ด้วย 3 รสชาติใหม่ โดยดึงรสชาติยอดนิยมของแต่ละแบรนด์ ออกมาเป็น พริงเกิลส์        รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อยคลาสสิก (Classic Seaweed), พริงเกิลส์ รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อย เผ็ด (Hot & Spicy Seaweed) และ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย  รสพริงเกิลส์ ซาวครีมและหัวหอม (Sour Cream & Onion)

สำหรับภาพลักษณ์ของพริงเกิลส์ หลังจาก Co-Branding ร่วมกับเถ้าแก่น้อยนั้น อวนิช กล่าวว่า “ที่ผ่านมา พริงเกิลส์มีแต่รสชาติสำหรับคนตะวันตกมาตลอด การร่วมงานกันกับเถ้าแก่น้อยครั้งนี้           เราคาดหวังว่า น่าจะสามารถเจาะกลุ่มคนไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น โดยรสชาติที่เราเลือกมาเป็นรสยอดนิยมที่สุดของเถ้าแก่น้อย ซึ่งนอกจากเราจะได้มิตรภาพที่ดีจากแบรนด์ สาหร่ายปรุงรสอันดับหนึ่งของไทยแล้ว เราหวังว่าพริงเกิลส์จะส่งสัญญาณความเป็นมิตร และเป็นเพื่อนสนิทให้กับตลาดเมืองไทยมากขึ้น ด้วยการนำเสนอของว่างอย่างมันฝรั่งคุณภาพภายใต้รสชาติที่คุ้นเคยให้คนไทย”



นายสมิทธิ จีรนันทน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการร่วมงานครั้งแรกกับพริงเกิลส์ ว่า “เถ้าแก่น้อยรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคำชวนจากทางพริงเกิลส์ ให้มาทำงานร่วมกัน เพราะแบรนด์เถ้าแก่น้อยเองก็เป็นสาหร่ายที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 รสชาติถูกปากคนไทย และมีจำหน่ายในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ชอบความแปลกใหม่ ดังนั้นทางเถ้าแก่น้อยเองก็มีการนำเสนอสิ่งใหม่ให้กับผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ สำหรับการออกสินค้ารสชาติใหม่ เถ้าแก่น้อยรสพริงเกิลส์ ซาวครีมและหัวหอม  ภายใต้คอนเซ็ปต์ East Meets West ถือเป็นอะไรที่ตอบโจทย์เรามาก เพราะเราเองก็ต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคอยู่แล้ว การได้สูตร Sour Cream & Onion ที่เป็นรสชาติยอดนิยมของแบรนด์พริงเกิลส์ที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 40 ปี ยิ่งทำให้เราตื่นเต้น และหวังว่าความแปลกใหม่นี้น่าจะครองใจแฟนชาวไทยและเอเชียของเถ้าแก่น้อย  อีกทั้งเรายังหวังว่าการ Co-Branding ครั้งนี้จะสร้างความสนใจให้เกิดขึ้นกับลูกค้าต่างชาติ อาทิ แถบยุโรป อเมริกา แอฟริกา ที่มาท่องเที่ยวในเอเชีย และยังไม่เคยรู้จักหรือลองแบรนด์เถ้าแก่น้อยอีกด้วย” 

ส่วนด้านการทำการตลาดนั้น นายสมิทธิ กล่าวต่อว่า “ในการทำตลาดของสินค้า 3 รสชาติใหม่นี้ ทางพริงเกิลส์และเถ้าแก่น้อยได้มีทำการตลาดร่วมกัน ทั้งในการทำหนังโฆษณาในสื่อดิจิทัล และการทำแจกชิมสินค้านอกสถานที่ และยังมีการโปรโมชั่นในห้างร้านเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวของเราอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อโปรโมทการรวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ของเราครับ เรามั่นใจมากว่าสินค้าใหม่ของเราจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในและต่างประเทศ”

สำหรับตลาดขนมขบเคี้ยวในปี  2562 คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 38,000 ล้านบาท โดยตลาดมันฝรั่งทอดกรอบมีมูลค่าอยู่ที่กว่า 12,499 ล้านบาท เติบโต 14.3% ทั้งนี้พริงเกิลส์ถือครองตลาดมันฝรั่งกระป๋องเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 90% โดยรสชาติที่ขายดีที่สุดคือ รสซาวครีมและหัวหอม ในขณะที่ตลาดสาหร่ายปรุงรสมีมูลค่าตลาดที่ 3,000 ล้านบาท เถ้าแก่น้อยถือครองส่วนแบ่งตลาดที่ 70% เติบโตจากเดิม 5% โดยมีสินค้าเด่นในปี 2562 ได้แก่ สาหร่ายย่าง เถ้าแก่น้อย BigRoll ที่เติบโตมากกว่า 40%  และเถ้าแก่น้อยเทมปุระไข่เค็ม ที่เพิ่งฉลองยอดขาย 2 ล้านซองทั่วโลกไปเมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา

สำหรับ พริงเกิลส์ และ เถ้าแก่น้อย 3 รสชาติใหม่ พริงเกิลส์ รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อยคลาสสิก (Classic Seaweed), พริงเกิลส์ รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อย เผ็ด (Hot & Spicy Seaweed) และ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย รสพริงเกิลส์ ซาวครีมและหัวหอม (Sour Cream & Onion) สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา #PringlesxTaokaenoi #TaokaenoixPringles  #เพื่อนซี้ความอร่อยที่ลงตัว

พม. เปิดเวทีคนเก่ง ชู “บุคคลต้นแบบด้านอาชีพ” สู่การพัฒนาชุมชนสังคมเข้มแข็ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  30ส.ค.6  ณห้องปรินซ์บอลรูม 3โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯนายอภิชาติ  อภิชาตบุตร  รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “เวทีคนเก่ง” จัดโดย กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.)


นายอภิชาติ    กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “เวทีคนเก่ง”  พร้อมแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับเกียรติบัตรบุคคลต้นแบบด้านอาชีพทั้งในรายบุคคลและรายกลุ่มอาชีพทุกท่าน ซึ่งการจัดโครงการ “เวทีคนเก่ง”ของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จของการพัฒนาศักยภาพกลุ่มเป้าหมายสตรีและครอบครัวให้มีความมั่นคงซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาชุมชนสังคมที่เข้มแข็งเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และขอชื่นชมในความมุ่งมั่นขยันหมั่นเพียรเรียนรู้ฝึกฝนพัฒนาทักษะการประกอบอาชีพของตนเองจนประสบความสำเร็จสามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้และยังได้มีโอกาสในการช่วยเหลือชุมชนและสังคมด้วย และประการสำคัญที่สุดคือกลุ่มบุคคลเหล่านี้ถือเป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตแก่บุคคลอื่น ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอเป็นกำลังใจผู้ปฏิบัติงานและผู้มีส่วนร่วมในการผลักดันให้สตรีและครอบครัวไปสู่ความสำเร็จเป็นกำลังที่สำคัญของประเทศชาติและเป็นกำลังใจแก่ผู้รับประกาศเกียรติคุณทุกท่านในการประกอบคุณงามความดีแก่สังคมขอให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป








นายเลิศปัญญา  บูรณบัณฑิต  อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่า กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวมีภารกิจหลักในการพัฒนาศักยภาพสตรีในทุกด้านส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตลอดจนส่งเสริมความเสมอภาคและความเท่าเทียมระหว่างเพศเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมซึ่งสค. มีหน่วยงานในสังกัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคคือศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวทำหน้าที่เป็นกลไกหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพสตรี

โดยทำหน้าที่ในการฝึกอบรมอาชีพให้กับกลุ่มเป้าหมายที่ขาดโอกาสทางสังคมให้มีทักษะอาชีพช่วยเหลือตนเองและเลี้ยงดูครอบครัวได้ซึ่งมีการดำเนินงานฝึกอาชีพใน2รูปแบบ 1)การฝึกอบรมอาชีพในสถาบันซึ่งมีหลักสูตรหลากหลายตามความต้องการของผู้ฝึกอบรมทั้งหลักสูตรระยะสั้น 1 เดือน 3 เดือนและ 6 เดือนเมื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมอาชีพสำเร็จตามหลักสูตรแล้วจะจัดหางานให้ทั้งในลักษณะประกอบอาชีพตนเองและเป็นพนักงานของบริษัททั้งงานที่เกี่ยวกับสาขาที่ได้รับการฝึกอบรมมาซึ่งสามารถผลิตผู้ด้อยโอกาสให้มีอาชีพจากการฝึกอาชีพภายในสถาบันปีละ7,000ราย 

2) การฝึกอบรมกลุ่มอาชีพในชุมชนเพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มประกอบอาชีพในชุมชนให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัวโดยการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพส่งเสริมโอกาสการทำธุรกิจสตรีมุ่งสู่การเป็นวิสาหกิจชุมชนซึ่งเกิดกลุ่มอาชีพและผลิตภัณฑ์ในชุมชนนำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ปีละ136กลุ่ม ภายหลังการฝึกอบรมเสร็จสิ้นได้มีการติดตามประเมินผลการนำความรู้ไปประกอบอาชีพ และพบว่ามีผู้สำเร็จจากการฝึกอบรมจำนวนมากสามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพแล้วประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นที่สามารถเป็นต้นแบบที่ดีให้กับผู้อื่นได้


นายเลิศปัญญา กล่าวต่อไปว่า โครงการ เวทีคนเก่ง ในวันนี้ มีการมอบเกียรติบัตร “บุคคลต้นแบบด้านอาชีพ” 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทบุคคล จำนวน32คน และ ประเภทกลุ่มอาชีพจำนวน24กลุ่มโดยคัดเลือกจากผู้ที่สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพจากศูนย์เรียนรู้ฯ8แห่ง การมอบเกียรติบัตรนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูเกียรติและเผยแพร่เกียรติประวัติที่ดีต่อสาธารณชนนอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดสัมมนาเพื่อถ่ายทอดเทคนิคประสบการณ์ความรู้วิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองเป็นการเปิดโอกาสและช่องทางในการประกอบอาชีพนำไปสู่ความสำเร็จในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งหลายแห่งมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการทำงาน และที่สำคัญมีการสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และช่วยเหลือกันระหว่างกลุ่มอาชีพด้วย


ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย ผู้บริหารกระทรวงพม. เจ้าหน้าที่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวผู้รับรางวัลบุคคลต้นแบบด้านอาชีพเครือข่ายสตรีและครอบครัวองค์กรภาคีเครือข่าย

เพียง 0 ก้าว สู่รถไฟฟ้าสองสายสู่ “Interchange สำโรง” คอนโดฯ พร้อมอยู่….ทำเลทองคนซื้อต้องได้ “กำไร”

หากจะกล่าวถึงทำเลฮอต! ของตลาดคอนโดมิเนียมแล้ว เชื่อว่าทำเลฮิตติดชาร์ตที่ใครๆ ก็ต้องพูดถึงนั่นก็คือทำเลสุขุมวิทตอนปลาย ที่นับตั้งแต่ BTS แบริ่ง–BTS สำโรง ที่ได้รับความนิยมจากดีเวลลอปเปอร์ตบเท้าเข้าไปพัฒนาโครงการรอดีมานด์กันอย่างคึกคัก สำหรับพื้นที่ในบริเวณ “BTS สถานีสำโรง” วันนี้! วันที่เขตเมืองเริ่มมีการขยายตัวจะเป็นทำเลทองบูมแล้วบูมอีก ด้วยเพราะเป็นสถานี Interchange ของรถไฟฟ้า 2 สายระหว่างสายสีเขียว (BTS) กับสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสถานี “Interchange สำโรง” ก็เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางไม่ว่า จะออกเมืองหรือเข้าสู่ใจกลางเมืองอโศกหรือสยามสแควร์ ก็สะดวกและรวดเร็ว...ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมถึงเป็นจุดที่น่าลงทุนการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ที่อยู่ใกล้กับสถานี Interchange เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย


นายเฉลิมชัย ว่องไววิทย์  กรรมการบริหาร บริษัท ว่องไววิทย์ อุตสาหกรรมจักรกล จำกัด กล่าวว่า การที่เมืองเริ่มขยายตัวตามโปรเจ็กต์โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ หรือกำลังก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างมีสถานี     ที่เป็นจุดตัดหรือจุดเชื่อมจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง หมายความว่าเราสามารถเลือกการเดินทางได้หลากหลายเส้นทางมากขึ้น ในขณะเดียวกันจะนำมาซึ่งความเจริญ เกิดการค้า การลงทุน ส่งผลให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในบริเวณนั้นๆ มากขึ้น เมื่อผู้คนได้หลั่งไหลเข้ามาใช้บริการสถานีเพื่อเดินทางไปยังจุดเป้าหมายอื่น

สำหรับโครงการ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ (The Metropolis Samrong Interchange ) บริหารงานโดยบริษัท เมโทรโพลิส พรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด บริษัทในเครือว่องไววิทย์ฯ ล่าสุดได้สร้างเสร็จสมบูรณ์และทยอยส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าแล้ว “เราให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนของการก่อสร้างต้องได้คุณภาพ” นายเฉลิมชัย กล่าว พร้อมกับย้ำด้วยว่าที่นี่ที่โครงการ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์  สเปควัสดุที่ให้นั้นเกินมาตรฐาน โครงสร้างแข็งแกร่ง ชั้นดาดฟ้าบนชั้น 39 มี “Sky Lounge/Sky deck พร้อม Onsen และสวนลอยฟ้า” ให้กับลูกบ้านเพื่อขึ้นไปชมวิวรอบทิศ คนซื้อที่นี่ต้องได้ “กำไร” ไม่ว่าจะเป็นกำไรชีวิตระหว่างการอยู่อาศัย หรือ “กำไร” จากมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินเมื่อเวลาผ่านไป



โครงการ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่ในทำเลทองมหานครแห่งใหม่บนถนนสุขุมวิทแห่งเดียวบนจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย คือสีเขียวอ่อน และเหลือง ออกแบบตกแต่งสไตล์โมเดิร์น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครันในราคาที่คุณสามารถครอบครองได้ภายใต้ แนวความคิด “Affordable Luxury” พร้อมจุดขายเพียง  0 ก้าว สู่รถไฟฟ้า BTS สถานีสำโรง (สายสีเขียว) จุดเชื่อมสำโรงกับถนนเทพารักษ์สู่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเชื่อมต่อ AIRPORT LINK สู่สุวรรณภูมิเพียง 8 สถานี, 3 สถานีจากทางด่วน บางพลี-สุขสวัสดิ์ และ 5 นาที จากทางด่วนบางนา-ตราด

โครงการดังกล่าว ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการทั้งหมดกว่า 8 ไร่ พัฒนาเป็น High Rise Condominium จำนวน 2 อาคาร คือ อาคาร A , B  และเป็น Low Rise Condominium  จำนวน 1 อาคาร  คือ อาคาร C และอาคารจอดรถ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในโครงการเป็นกลุ่มคนในพื้นที่ ซื้อที่อยู่อาศัยรองรับครอบครัวขยาย รวมถึงกลุ่มคนทำงาน-นักลงทุน    ที่ส่วนใหญ่เงินเดือนหรือรายได้ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป มีแบบห้องให้เลือก 3 แบบขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ขนาด 29 – 67 ตร.ม. คือห้องแบบ Studio ขนาด 28 ตร.ม./ห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม. และห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 52 และ 67 ตร.ม. ราคาเริ่ม 2.6 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 5,700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 70% สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานขายโครงการได้ที่
เบอร์โทร 02-024-8000 หรือดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.metroprop.co.th

สำหรับทั้ง 4 อาคาร แบ่งเป็น
อาคาร A สูง 39 ชั้น  จำนวน 1,035 ห้อง
อาคาร B สูง 30 ชั้น  จำนวน  542   ห้อง
อาคาร C สูง  7  ชั้น  จำนวน 144   ห้อง
อาคารจอดรถ สูง  5 ชั้น จอดรถได้ 757  คัน

           
นอกจากจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งโครงการ และราคาขายจับต้องได้แล้ว ภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน อาทิ ล็อบบี้, สระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ, ฟิตเนสเซ็นต์เตอร์, คิดส์คลับ, Co-working Space, Sky Lounge, Sky Deck, Golf Simulator, ห้องประชุม, ออนเซ็น, ห้องดูหนัง, สนามแบทมินตัน ระบบรักษาความปลอดภัย เป็นระบบ Key card กล้อง CCTV เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม. สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง ระบบ Digital Smart Door Lock สำหรับทุกห้องชุด อีกทั้งโครงการเดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ ยังแวดล้อมไปด้วยหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า อาทิ The Bangkok Mall / Imperial Samrong, Central Bangna, Big C, สถาบันการศึกษา และหน่วยงานราชการ โรงเรียนอัสสัมชัญ / นานาชาติบางกอกพัฒนา / St. Andrew International / Lasalle School สถานพยาบาล ไม่ว่าจะเป็น รพ. สำโรง, รพ.จุฬารัตน์ 2, รพ.จุฬารัตน์ 4, รพ.เปาโลสมุทรปราการ เป็นต้น

ซัสโก้ จับมือ Roojai.com จัดโปรฯ แรง “เติมซัสโก้ ซื้อประกันรู้ใจ” เติมน้ำมัน ฟรี สูงสุด 1,700 บาท

นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายนิโคลัส ฟาร์เกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Roojai.com ประกันรถยนต์ออนไลน์ จัดโปรโมชั่นแรง ทั้งแจกทั้งแถม พิเศษเฉพาะลูกค้า    “ซัสโก้” เท่านั้น เมื่อซื้อประกันภัยรถยนต์ ผ่าน Roojai.com รับคูปองเติมน้ำมันซัสโก้สูงสุดถึง 1,700 บาท
โดยลูกค้าสแกน QR Code บนฉลากขวดน้ำดื่มรู้ใจ หรือแผ่นน้ำหอมติดรถพี่จิงโจ้รู้ใจ ที่แจกฟรี เมื่อเติมน้ำมันซัสโก้ตามเงื่อนไข เฉพาะสาขา ธนบุรีปากท่อ กม.6, สาขาสาธุประดิษฐ์ 2, สาขาจรัญสนิทวงศ์ และ สาขาศรีนครินทร์3 ตั้งแต่วันที่ 1-10 กันยายน 2562 หรือจนกว่าของจะหมด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 024280029 ต่อ 234, 235


วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

โอกาสทอง “ผู้บริโภค”ปลูกสร้างบ้านระดับคุณภาพ -ราคาพิเศษ ! ภายในงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2019”ระหว่างวันที่ 29 ส.ค.- 1 ก.ย. 2562

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.62 นายจำเริญ โพธิยอด ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2019” จัดโดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-1 ก.ย. 62 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี  โดยนางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน พร้อมด้วย ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ,กรรมการกิตติมศักดิ์ และกรรมการบริหาร เข้าร่วมงานในพิธีเปิด  พร้อมกันนี้ยังมีการเปิดงานมหกรรมบ้านมือสองและสินเชื่อแห่งปี หรือ NPA Grandsale and Home Loan 2019 จัดโดยสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วย







นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) เปิดเผยว่า การจัด “งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2019” เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีเพื่อช่วยกระตุ้นการตลาดและการขายให้กับสมาชิกของสมาคมฯ  ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ที่เดี่ยวจบ ครบเรื่องสร้างบ้าน” มีไฮไลท์ภายในงาน คือ  ผู้บริโภคที่เข้ามาชมหรือต้องการที่จะปลูกสร้างบ้านบนที่ดินจะได้พบ ดังนี้คือ มีบ้านครบทุกระดับราคา 1-100 ล้านบาท มีบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำมากที่สุด กว่า 30 บริษัท มีแบบบ้านให้เลือกกว่า 1,000 แบบ โดยบริษัทผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างชั้นนำที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมสินเชื่อสุดพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำ มุมหนังสือแบบบ้านสวยๆ

"อย่างไรก็ตามงานนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภคที่จะได้บ้านระดับคุณภาพในราคาพิเศษ” นางศิริพร กล่าว พร้อมระบุว่า  หากผู้บริโภคจองปลูกสร้างบ้านภายในงาน ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับทองคำแท่งมูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท ด้วย  ทั้งนี้ งานรับสร้างบ้าน และวัสดุ Expo 2019 นั้น ทางสมาคมฯ คาดว่าจะมียอดขายในงานกว่า 3,000 ล้านบาท
                           
นอกจากนี้การจัดงานในครั้งนี้ ทางสมาคมฯ จัดพร้อมกับงาน NPA Grand Sale and Home Loan 2019 ซึ่งเป็นงานที่รวมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยไว้มากที่สุดจากธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ พร้อมด้วยสินทรัพย์รอการขาย หรือ NPA ซึ่งผู้ที่สนใจปลูกสร้างบ้านสามารถที่จะขอสินเชื่อภายใต้เงื่อนไขสุดพิเศษได้อีกด้วย หรือ ผู้ที่สนใจหาที่ดินเปล่าเพื่อปลูกสร้างบ้านก็สามารถเดินชมงานได้ด้วยเช่นกัน